วันน้ีคาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,553 / 1,550 แนวต้าน 1,560 / 1,570 อยู่ในช่วงติดตามตัวเลขสำคัญคือนี้ ยอดขายบ้านใหม่และความเชื่อมั่นสหรัฐ ภายในยังเห็นการปรับลดประมาณการ EPS ลงต่อเนื่องกดดันตลาด
Our View? “เข้าช่วง Blackout Period”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,553 / 1,550 และแนวต้านที่บริเวณ 1,560 / 1,570 ตลาดยังคงไร้ปัจจัยใหม่หนุนการปรับตัวขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เข้าสู่ช่วงของการงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินก่อนการประชุม FOMC วันที่ 2-3 พ.ค. ทำให้เราคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจกับการรอดูตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐ เพื่อประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ รวมทั้งแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินของ FED ในระยะถัดไปมากขึ้น โดยคืนนี้แนะนำติดตามตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน มี.ค. ของสหรัฐ คาดจะลดลงอยู่ที่ระดับ 6.32 แสนหลัง -13% MoM และตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย CB เดือน เม.ย. คาดจะอยู่ที่ระดับ 104.0 อยู่ในภาพการอ่อนตัวลงต่อ ขณะที่วันนี้ 27 เม.ย. ยังต้องติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ คาดจะออกมาที่ระดับ 2.5 แสนราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความตึงตัวลง รวมทั้งตัวเลข GDP 1Q66 ของสหรัฐคาดจะอยู่ที่ระดับ 2.00% ชะลอตัวลงจาก 4Q65 โดยจะพบว่าตัวเลขที่สำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์นี้ เริ่มบ่งชี้ถึงทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลง ขณะที่ทางฝั่งนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งสู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุม FOMC เดือน พ.ค. นี้ จากเงินอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับที่สูง และคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปอีกระยะเวลาหนึ่ง เพื่อรอประเมินผลกระทบของการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูง ทําให้เราคาดว่าความเสี่ยงของการที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในช่วง 4Q′66 มีมากขึ้น และเป็นปัจจัยหลักที่จํากัด Upside ของราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มิ.ย. เมื่อคืนนี้ฟื้นตัวกลับขึ้นปิดที่ระดับ 78.76 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.89 ดอลลาร์ (+1.14%) คาดได้รับแรงหนุนจากศุลกากรจีนรายงานยอดน้ำเข้าน้ำมันดิบจีนปรับตัวขึ้น 22.5% YoY ในเดือน มี.ค. สูงสุดตั้งแต่เดือน มิ.ย. ปี’63 ขณะที่แผนการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของ OPEC+ ในเดือน พ.ค. อีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน คาดจะกระตุ้นความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว หนุนทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มอ่อนตัวลง ทำให้คาดว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานฟื้นตัวประคองตลาดได้
สําหรับปัจจัยในประเทศ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการรายงานผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยส่วนใหญ่ออกมามากกว่าที่ตลาดคาดราว 7% โดยเป็นการเติบโตขึ้นโดดเด่น 45.19% QoQ และ +13.55% YoY คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่ประเด็นการปรับลดค่า Ft ในรอบเดือน พ.ค. – ส.ค. ที่ 4.70 บาท จากเดิมที่ 4.77 บาท โดย กฟผ.เสนอช่วยเหลือผ่านการยืดหนี้การชำระค่าไฟเป็น 2 ปี 4 เดือน เรามองผลกระทบดังกล่าวกดดันหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, GULF และ BGRIM) ปรับตัวลงมากรับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปบ้างสมควรแล้ว คาดอาจเห็นการรีบาวด์กลับได้บ้างเล็กน้อยในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เรายังเห็นการทยอยปรับประมาณการของ บจ. ในตลาดลงอยู่ โดยล่าสุดคาดการณ์ EPS ในปีนี้ของตลาดยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่อง เช้านี้ Bloomberg Consensus คาดการณ์อยู่ที่ราว 102+/- คาดมาจากความกังวลการประกาศผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทยอาจออกมาไม่สดใส มากนัก มองเป็นปัจจัยจำกัดการเคลื่อนไหวของตลาดได้อยู่ อย่างไรก็ดี เรายังชอบหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO และ BJC) เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการเลือกตั้งใหญ่เดือน พ.ค. และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยยังดีต่อเนื่อง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาได้อยู่
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “CPALL”
- คาดผลประกอบการ 1Q’66 +12.2% QoQ และ +2.1% YoY SSSG คาด ฟื้นขึ้นต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจ
- ทางเทคนิค อยู่ในกรอบขาขึ้นยืนเหนือ EMA10 วันได้
- กลยุทธ์ ซื้อสะสม แนวรับ 63.50 / 62.00 Target 65.00 / 67.00 stop <60.75