Daily Focus: Domestic and Earnings Play 

2023SET Target: 1700

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบแคบๆ ก่อนปิดทรงตัว ณ สิ้นวัน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 3.5 หมื่นลบ. ตลาดไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนระยะสั้น หลังผ่านพ้นการประกาศผลประกอบการกลุ่มธนาคาร สถาบันในประเทศซื้อสุทธิบางๆ ในตลาดหุ้น ส่วนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 682 ลบ. (แต่ Long Index Futures ราว 1 หมื่น สัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,550-1,565 จุด โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นในระยะสั้น ตลาดต่างรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่าง GDP 1Q23 ของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน ซึ่งตลาดยังคาดเห็นการเติบโต q-q ได้ รวมถึงเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสยังอยู่ที่การทยอยคาดการณ์และประกาศผลการดาเนินงาน 1Q23 ของบริษัทจดทะเบียนของฝั่ง Real Sector  ซึ่งในฝั่งรายได้คาดเห็นการฟื้นตัว แต่ที่ต้องติดตามคือฝั่งต้นทุน และ Margin ที่อาจยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะประเด็นค่าไฟที่สูงในเดือน ม.ค.-เม.ย. 23 ก่อนผ่อนคลายลงในระยะถัดไป หลังภาครัฐปรับลดค่าไฟภาคธุรกิจลงมาเท่าภาคครัวเรือนที่ 4.70 บาท/หน่วย ตลาดมอง FED เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ค. ค่อนข้างแน่นอนสู่ระดับ 5-5.25% ก่อนตรึงในระดับสูงไปยัง 2H23 โดยเศรษฐกิจที่คาดชะลอชัด ทำให้ตลาดมองว่า FED อาจลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีลงบ้าง โดยรวมระยะสั้นจึงทําให้สินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวได้จํากัด เม็ดเงินไหลเข้าหา พันธบัตรและทองคำมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเศรษฐกิจฝั่งเอเชียรวมถึงไทยที่ดูแข็งแกร่งกว่าฝั่งตะวันตก คาดว่ายังช่วยจํากัด Downside ขอดัชนีได้บ้าง นอกจากนี้หากผลการเลือกตั้งของไทยออกมาในเชิงบวก โดยมีแนวโน้มจัดตั้งรัฐบาลใหม่อย่างมีเสถียรภาพได้จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดฯ ใน 2H23-2024 เราจึงยังชอบหุ้น Domestic Play และคาด Outperform Global Play ได้ต่อเนื่อง ระยะสั้นเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดกําไร 1Q23 แข็งแกร่ง

กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนหุ้น Domestic และคาดกำไร 1Q23 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,520+- จุด

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : AOT, BA, BGRIM, CPN, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : OSP

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเบื้องต้น 33 บาท
  • คาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 455 ลบ. +35% q-q, -39% y-y หากรวมเงินปันผลจาก Unicharm จะมีกำไรสุทธิที่ 705 ลบ. +109% q-q, -6% y-y คาดเริ่มเห็น Market Share ปรับขึ้น และ Margin คาดฟื้นตัวดีจากต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง ทั้งจากการปรับประสิทธิภาพและต้นทุนก๊าซที่ลดลงช่วยชดเชยค่าไฟที่เพิ่มขึ้นได้
  • มองกำไรปกติ 1Q23 เป็นจุดต่ำสุดของปี และฟื้นตัวใน 2Q23 เป็นต้นไป จากรายได้ที่เร่งตัวขึ้น และคาดเห็น Margin ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง หลังต้นทุนก๊าซและค่าไฟลดลง คาดกำไรปกติปี 2023 ที่ 2.5 พันลบ. +29% y-y
  • แนวรับ 27//25 บาท แนวต้าน 28.50-29//30.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนเบาบางและผสมผสาน โดยรวมเม็ดเงินทรงตัวประเทศที่ไหลเข้า ได้แก่ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ประเทศละ US$10-29 ล้าน ส่วนที่ไหลออก คือ เกาหลีใต้และไทย US$46 ล้าน และ US$20 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าผสมผสาน โดยรอจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่าง GDP 1Q23 ของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน รวมถึงเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ปลายสัปดาห์

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) MINT คาดผลการดำเนินงานปกติ 1Q23 พลิกมาขาดทุนบางๆ ราว 225 ลบ.จาก RevPar ของ NHH ที่คาด -13% q-q จาก Low Season ในยุโรป แต่ยังสูงกว่าก่อน COVID-19 ราว 15% ขณะที่โรงแรมอื่น นำโดยไทย คาดยังเห็นการเติบโตของ RevPar ที่แข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจอาหารคาดเติบโตได้หนุนจากจีนที่คลาย Lockdown เราคาดผลการดำเนินงานของ MINT จะพลิกมามีก่าไรแข็งแกร่งใน 2Q23 จากโรงแรมในยุโรปที่เริ่มเข้า High Season อีกครั้ง และนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาเป็นบวกต่อโรงแรมในไทยและมัลดีฟท์ ขณะที่ธุรกิจอาหารในไทย คาดเร่งตัวจากเทศกาลสงกรานต์ ยังคาดกำไรปกติปี 2023 ที่ 5.5 พันลบ. +172% y-y คงราคาเป้าหมาย 40 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนรอบใหม่ แนะนำ “ซื้อ”

(+) SHR คาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 150 ลบ. +20% q-q พลิกพลิกจากขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจาก RevPar ของโรงแรมในไทยและมัลดีฟท์ที่เร่งตัวชดเชย Low Season ใน UK และ Outrigger ที่มีการ Renovate ส่วนการปิดโรงแรมในมอริเชียสชั่วคราว เรามองกรณีฐานปิดเป็นเวลา 3 เดือน หลังมีการตรวจพบแบคทีเรีย Legionella คาดกระทบกำไรราว 10-15 ลบ. ต่อเดือน ซึ่งเรามองว่ากระทบชั่วคราวและไม่มาก เรามอง Downside ของกำไรปี 2023 จำกัด จากการดำเนินงานที่ยังแข็งแรง และคาดยังเห็นโมเมนตัมการเติบโตของ RevPar y-y ที่ยังแกร่ง ยังคาดกำไรปีนี้ที่ 458 ลบ. คงราคาเป้าหมาย 5.30 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) PRM เราคาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 491 ลบ. -35% q-q, +97% y-y กำไรที่ชะลอ q-q เพราะเรือ 2 ลำหยุดซ่อมบำรุง โดยเรือ FSU 1 ลำใหญ่มีเหตุการณ์ให้ต้องหยุดซ่อมตั้งแต่กลาง มี.ค. คาดว่าจะกลับมาทำงานในเดือน พ.ค. และเรืออีก 1 ลำปรับปรุงซ่อมแซมตั้งแต่กลาง มี.ค. ถึงต้น เม.ย. ปัจจุบันเริ่มทำงานแล้ว แต่กำไรที่โตแรง y-y เนื่องจากฐานกำไรยังต่ำใน 1H22 ผลประกอบการปี 2023 ของ PRM อาจไม่ได้มีสีสันมากเท่ากับปี 2022 เนื่องจากเรือใหม่ทุกลำเข้าทํางานครบแล้วตั้งแต่ 4Q22 เราคาดกำไรปกติทั้งปี +10% y-y PE ปัจจุบันต่ำเพียง 9 เท่า คาด Dividend yield ปีละ 3-4% คงราคาเป้ามาย 9.60 บาท แนะนำ “ซื้อ” 25

(0) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 66.44 จุด หรือ +0.20% ปิดที่ 33,875.40 จุด ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ เช่น GDP และ PCE ของสหรัฐ

(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทรงตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในสัปดาห์นี้

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่นักลงทุนรอการประกาศผลประกอบของหุ้นในกลุ่ม Big Tech อาทิ Alphabet, Microsoft, Amazon และ Meta

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 78.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากความหวังของเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 78.93 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.22%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ 1,999.80 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 2,007.90 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.41%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 927.43 / +3.75

- Advertisement -