ASL ANALYSIS GUIDE
ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway หลังทดสอบแนวรับ 1550+/- ยังพอยืนได้ก่อนที่จะรีบาวนด์กลับขึ้นมา ระยะสั้นหากไม่ต่ำกว่า 1,550 ความเสี่ยงขาลงเริ่มจำกัด แนวต้านทดสอบ 1,565/1,572 เป็นกรอบพิจาณายืนยันกลับตัวขึ้นในระยะสั้น
- วันนี้เคาะ OSP แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิราว 500 ล้านบาท (+47%QoQ, -32%YoY)โดยปรับตัวดีขึ้น QoQ จากแนวโน้ม GPM ที่ดีขึ้นเหนือระดับ 30% ตามต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง รวมถึง market share ของ M-150 ที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 65 ที่ระดับ 33.2% ส่วนชะลอตัว YoY จากฐานที่สูง (รายได้ทำ ATH) และครองส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังกว่า 54%
MARKET STRATEGY
สรุปตลาดวานนี้: SETI ปิดที่ 1,557.87 จุด ลดลง 0.49 จุด (-0.03%) มูลค่าการซื้อขาย 35,491.29 ล้านบาท ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน รอติดตามผลประกอบการที่จะทยอยออกมา
Research Highlight: ตลาดรอผลประกอบการ 1Q66 และ Cor PCE สหรัฐฯ
ธปท.ให้มุมมองศก.ที่เป็นบวกในช่วง 2H66
- ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก คาด GDP 1H66 โต 2.9% ในขณะที่ GDP 2H66 โต 4.3% ทั้งปีโต 3.6%
- เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงถูกกดดันจากภาคการส่งออกที่ติดลบกว่า 7.1%
- ส่วนครึ่งหลังคาดการณ์ว่าภาคการส่งออกจะกลับมาเป็นบวกกราว 4% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าจะมากกว่าในช่วงปีแรก
- ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ คาดจะยังคงอยู่ในกรอบที่วางไว้ที่ 2.9% แต่ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง คาดทั้งปีเฉลี่ยจะอยู่ 2.4%
- ทาง ธปท. มองว่าปีนี้ปัญหาหลักของไทย คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และลดลงช้า โดยใน 4Q65 หนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่ 86.9% ของ GDP ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ชะลอ ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้า ทั้งนี้ ธปท. ได้มีการเตรียมมาตรการเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาหนี้ครัวเรือนลง คาดจะมีมาตรการออกมาช่วงเดือน มิ.ย.นี้ โดยวางเป้าหมายหนี้ครัวเรือนของไทยให้ต่ำกว่า 80% ของ GDP
- กลุ่มหุ้นที่น่าสะสมคือ หุ้น Domestic play ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว Top Pick: CPALL BJC KTC หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ที่มองว่าจะเป็นกลุ่มหลักที่กลับมาเติบโต ตอบรับกับจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ Top Pick: AWC MINT CENTEL AOT AAV
ตลาดเพิ่มน้ำหนักเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้าย
- จับตาตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในคืนพรุ่งนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาในระดับต่ำลง หรืออยู่ที่ 4.5% เป็นปัจจัยหนุนให้เฟดส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- รายงานจาก Fed watch tool ตลาดให้น้ำหนัก 90% ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไปสู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุม FOMC 2-3 พ.ค. นี้ ก่อนจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ สัปดาห์นี้
- 25 เม.ย. รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB Consumer Confidence // ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
- 26 เม.ย. ยอดคําสั่งชื้อสินค้าคงทน (เดือนต่อเดือน) (มี.ค.) // สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
- 27 เม.ย. GDP Q1 USA // จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน
- 28 เม.ย. GDP Q1 EU // PCE Price Index (มี.ค.) // ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐมิชิแกน (เม.ย.) // BoJ Interest Rate Decision (ประชุมครั้งแรกของผู้ว่า BOJ คนใหม่ ที่มีแนวโน้มคงนโนบาย Yield curve control และยังใช้นโยบายที่ผ่อนคลายทางการเงิน
Investment Strategy
- ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway หลังทดสอบแนวรับ 1550+/- ยังพอยืนได้ก่อนที่จะรีบาวนด์กลับขึ้นมา ระยะสั้นหากไม่ต่ำกว่า 1550 ความเสี่ยงขาลงเริ่มจำกัด แนวต้านทดสอบ 1565/1572 เป็นกรอบพิจาณายืนยันกลับตัวขึ้นในระยะสั้น
- คาดการณ์วันงบ 1Q66 ออก
- 25 เม.ย. HMPRO SCGP
- 26 เม.ย. BH SCC
- 27 เม.ย. ITC PTTEP SCCC
- แนะนำ Selective buy กลุ่ม Big cap. ที่ laggard KBANK CPALL MAKRO ADVANC MINT กลุ่มผลประกอบการออกมาดี OSP CRC MAKRO AMATA กลุ่ม Defensive SISB EKH BDMS PR9 GULF ADVANC กลุ่มปิโตรฯ (ตาม aromatics product spread ปรับตัว ขึ้น+จีนเปิดประเทศ+ PBV<1X) TOP IRPC PTTGC
Global Markets
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเปิดเผยผล ประกอบการในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สําคัญของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสําคัญ
(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิตทรงตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนชั้นนํา ในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นฟิลิปส์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านสุขภาพของเนเธอร์แลนด์พุ่งขึ้น หลังการเปิดเผยผล ประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่ง
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกเด้งแรง หนุนจากความหวังที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะ ฟื้นตัว
(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนตลาด
หุ้นเคาะไป คุยไป..OSP
- ทั้งนี้ OSP ตั้งเป้ายอดขายและกำไรเติบโตปี 66 ที่ระดับ Double-digit (ราว 20%) ตามการรับรู้ Profitable market share gains รวมถึงการทำ New Growth Engine ที่จะเน้นกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังใหม่อย่างน้อย 2 ผลิตภัณฑ์ เพื่อขยายเข้าไปใน Segment ที่ยังไม่มี ขณะที่ในต่างประเทศก็จะขยายตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถสร้างการเติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลักมาโดยตลอด ซึ่งโดดเด่นสุดในเมียนมา นอกจากนี้ยังมีแผนเข้าลงทุนซื้อกิจการในธุรกิจ Beverages, Personal care
- ด้านแนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิราว 500 ล้าน บาท (+47%QoQ, -32%YoY) โดยปรับตัวดีขึ้น QoQ จากแนวโน้ม GPM ที่ดีขึ้นเหนือระดับ 30% ตามต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง รวมถึง market share ของ M-150 ที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 65 ที่ระดับ 33.2% ส่วนชะลอตัว YoY จากฐานที่สูง (รายได้ทำ ATH) และครองส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังกว่า 54%
- ในเชิง Sentiment ได้รับอานิสงส์บวกจาก 1. จีนเปิดประเทศ หนุน demand ของ product มากขึ้น 2. แนวโน้มต้นทุนปรับตัวลงหลังผ่านจุดสูงสุดไปแล้วช่วง 2H65 ทำให้ความกังวลด้าน GPM ลดลง โดยจะเห็น GPM ฟื้นตัวขึ้นในช่วง 2H66 มาที่ระดับ 33-35% 3. ราคาเคลื่อนไหว underperform ตลาดเล็กน้อย แต่ด้วยแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น เหมาะสำหรับการซื้อสะสมในระยะกลาง-ยาว 4. ขึ้น XD 3 พ.ค. ปันผลหุ้นละ 0.45 บาท/หุ้น คิด เป็น div.yield ที่ 1.6%