KS Daily View 26.04.2023 >>> SET คาดฟื้นตัวจากโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 75bps. ใน 2H23 SET ปรับกรอบการเคลื่อนไหวรายสัปดาห์เป็น 1,520 – 1,585 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ SCGP, KLINIQ
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี -1.02%, S&P 500 -1.58%, และ NASDAQ -1.98% โดยSector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Utilities (-0.09%) และ Consumer staples (-0.12%)ส่วนSector ที่ underperform ได้แก่ Materials (-2.2%), IT (-2.1%), Consumer Discretionary (-2.0%), และ Energy (-1.8%)
ในประเทศ: SET Index ปรับตัวลดลง -17.67 จุด หรือ -1.13% ปิดที่ 1,540.20 จุด หุ้นที่ปรับลงแรง ได้แก่ VGI (-14.7%), KEX (-11.9%), JMART (-10.3%), NEX (-9.5%), TQM (-8.8%), และ SINGER (-6.7%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นได้แก่ BH (+2.5%), OSP (+1.8%), และ SCGP (+1.8%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรง ได้แก่ NEX (-5.3%), SPALI (-4.9%), BYD (-3.1%), และ CBG (-3.0%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: เราปรับกรอบการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เป็น 1,520 – 1,585 จุด ภาพรวมยังถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ ความเสี่ยง Recession และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาวะเครดิตที่ตึงตัวสะท้อนผ่านเงินฝากที่ไหลออกจากธนาคารขนาดกลาง และเล็ก และดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย. มีโอกาสเด้งขึ้นจากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ล่าสุดตามตลาดได้มีการปรับมุมมองว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 75bps. ใน 2H23 (จากเดิมที่ 25-50bps.) ทำให้อาจเห็นการฟื้นได้ในระยะสั้นหลังปรับตัวลงเกือบ 5% จากต้นเดือน เม.ย. อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนในผลการเลือกตั้งของไทยยังเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเลือกตัดสินใจชะลอการลงทุนออกไปก่อน สำหรับสัปดาห์นี้ ติดตามการรายงานกำไร 1Q23 ของ DELTA, BH, ITC, และ SCC
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) สินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวมปรับตัวลงต่อ บนความกังวล Recession หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทำจุดต่ำสุดนับแต่เดือน ก.ค. 2565 ขณะที่ปริมาณเงิน M2 ของสหรัฐฯ ลดลง -4.05% YoY ในเดือน มี.ค. 2566 นอกจากนี้ตลาดยังคงกังวลกับความเสี่ยงสถาบันการเงินขนาดกลาง-เล็กที่เงินฝากยังไหลออกต่อเนื่อง
2.) ค่าการกลั่นในภาพรวมยังปรับตัวลงต่อ (ต่ำกว่า US$3/bbl) จาก Diesel crack spread ที่อ่อนตัวจากอุปทานโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียทีเพิ่มขึ้น มองเป็นลบกับกลุ่มโรงกลั่นของไทยในภาพรวม
3.) หุ้นที่นักวิเคราะห์ของทาง KS มีการปรับคำแนะนำ/ราคาเป้าหมายวันนี้ ได้แก่ THCOM และ BCP
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
1.) หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโต (Quality Growth) ได้แก่
1.1) AMATA ราคาพื้นฐาน 26.50 บาท คาดกำไรปกติปี 2023 เติบโต 11% YoY เป็น 1.65 พันลบ. ขณะที่ AMATA ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้โต 50% YoY เป็น 2,250 ไร่หนุนจากการย้ายฐาน และความเชื่อมั่นภาคเอกชนฟื้นตัวหลังเลือกตั้งกลางปี
1.2) BE8 ราคาพื้นฐาน 69.08 บาท คาดกำไรปี 2566 ที่ 302 ลบ. เติบโต 118% YoY หนุนโดยธุรกิจหลักเติบโตดีต่อ การรวมบัญชีทั้งปีของ X-10 และ Baycom ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลง -25% YTD มาเทรดที่ P/E ปี 2023 ที่ 37x vs. EPS growth ปี2023-24 ที่ 118% YoY/39% YoY ตามลำดับ
1.3) KLINIQ ราคาพื้นฐาน 48.10 บาท เราคาดว่ากำไรปกติไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ 64 ลบ. เพิ่มขึ้น 6% QoQ และ 41% YoY ทำจุดสูงสุดใหม่ และแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีตามการขยายสาขา
2.) กลุ่ม Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ
2.1) BH ราคาพื้นฐาน 237 บาท เก็งงบ 1Q23 ที่คาดว่าจะรายงานกำไรปกติที่ 1.53 พันลบ. โต 114% YoY มาจากรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้นทำให้มีโอกาสที่หุ้นจะถูก rerate ไปเทรดระหว่างค่าเฉลี่ย P/E 31.7x กับ +1 S.D. ที่ 41.4x vs. EPS คาดการณ์ปีนี้ที่7.50 บาท
2.2) KTB ราคาพื้นฐาน 20.40 บาท กำไร 1Q23 โต 15% YoY และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1 หมื่นลบ. vs. คาดการณ์ทั้งปีของเราที่ 3.6 หมื่นลบ. ขณะที่ ROE ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 10% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่8.5% แต่ PBV ยังเทรดที่ 0.6x ต่ำกว่าคาดเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 0.65x
2.3) TRUE ราคาพื้นฐาน 10.32 บาท ได้ประโยชน์จากความต้องการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นในช่วงเลือกตั้ง ขณะที่ปัจจัยหนุนราคาหุ้นจะมาจากการแข่งขันด้านราคาผ่อนคลายลงและ การพลิกฟื้นของกำไรอย่างรวดเร็วจาก synergies การควบรวม
3.) กลุ่ม พลังงาน แนะนำ PTTEP ราคาพื้นฐาน 172 บาท เพื่อ hedge กับทิศทางราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ U$90/bbl
4.) กลุ่ม Turnaround play แนะนำ SCGP ราคาพื้นฐาน 49 บาท แม้กำไรปกติ 1Q23 จะอ่อนแอที่ 1.08 พันลบ. ลดลง37.2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 72.4%QoQ และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง QoQ ในช่วงที่เหลือของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- SCGP (ราคาพื้นฐาน 49 บาท) SCGP ประกาศกำไรปกติไตรมาส 1/66 ที่ 1.18 พันลบ. ลดลง 31.3% YoY แต่เพิ่มขึ้น 88.5% QoQ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรของ SCGP เราเชื่อว่ากำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและคาดว่าจะฟื้นตัวตลอดทั้งปี เราคาดว่าปริมาณการขายจะเติบโตในไตรมาส 2/2566 และสามารถหนุนกำไรให้อยู่ที่ประมาณ 1.4-1.5 พันลบ. SCGP ซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 31.3 เท่า และ PBV ที่ 1.9 เท่า
- KLINIQ (ราคาพื้นฐาน 48.10 บาท) เราคาดว่ากำไรปกติไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ 64 ลบ. เพิ่มขึ้น 6% QoQ และ 41% YoY จากรายได้ที่สูงขึ้น และแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีตามการขยายสาขา และได้รับการตอบรับดี หลังราคาหุ้นลดลง มูลค่าหุ้น KLINIQ ไม่แพงจาก downside ที่จำกัดจากการสิ้นสุดระยะเวลา lock-up
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของไทยเดือน มี.ค. คาด -15.2% YoY และ -4.7% YoY ตามลำดับ ขณะที่คาดว่าดุลการค้าของไทยจะขาดดุล US$1bn ตัวเลข GfK Consumer Confidence ของเยอรมันเดือน พ.ค. คาด -28 จุด (ดีขึ้นจาก -29.5 จุด) ตัวเลข Durable Goods Orders ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.9% MoM (ดีขึ้นจาก -1% MoM ในเดือน ก.พ.) และปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข GDP 1Q23 ของสหรัฐฯ คาด +2% QoQ ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +249K (เทียบสัปดาห์ก่อนที่ +245K) ตัวเลข Pending Home Sales เดือน มี.ค. คาด +1% MoM
- วันศุกร์ ติดตาม การประชุม BOJ ตัวเลข GDP 1Q23 ของยุโรป คาด +0.2% QoQ และ +1.3% YoY ตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมันเดือน เม.ย.คาด +7.2% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +7.4% YoY) ตัวเลข Core PCE Price Index ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.4% MoM ตัวเลข Personal Income ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด +0.2% MoM และตัวเลข Personal Spending ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. คาด -0.1% MoM