AMR อนุมัติจ่ายปันผล 0.05 บาท/หุ้น รับทรัพย์ 25 พ.ค.นี้ ลุยต่อยอดธุรกิจสร้าง New S-Curve พร้อมผนึกพันธมิตรรายใหญ่ หนุนปี66 ปั้นรายได้โตทะลัก 30-40%
บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเชีย (AMR) มีมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 เป็นเงินสดอัตรา 0.05บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล วันที่ 10 พ.ค. 66 พร้อมจ่ายเงินปันผล วันที่ 25 พ.ค.นี้ ฟากซีอีโอ “มารุต ศิริโก” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30-40% รุกขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่เกี่ยวกับกรีนซิตี้และระบบโซลาร์เซลล์ กอด backlog มูลค่า 2,300 ล้านบาท ผนึกพันธมิตรต่อยอดธุรกิจสร้าง New S-Curve ดันการเพิ่มเติม วัตถุประสงค์การใช้วงเงิน IPO ลุยธุรกิจอนาคตด้านโครงสร้างพื้นฐานและสุขภาพ
นายมารุต ศิริโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสมประจำปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 (Record Date) และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 พร้อมกับการเพิ่มเติมวัตถุประสงค์การใช้วงเงิน IPO สำหรับการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสุขภาพ
“บริษัทยังคงสามารถให้ผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในรูปแบบเงินปันผลเป็นเงินสดจากกำไรในปีที่ผ่านมา และบริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าในปีนี้น่าจะสามารถผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มธุรกิจใหม่ ทั้งธุรกิจแพลตฟอร์ม MaCharge ธุรกิจโซลาร์ ธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำดิบ รวมถึงเตรียมการลงทุนในในธุรกิจด้านสุขภาพ ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอในอนาคต” นายมารุตกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 30-40%จะเน้นรุกขยายธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve ของบริษัทฯ โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่เกี่ยวกับกรีนซิตี้และระบบโซลาร์เซลล์ รวมทั้งจะมีการศึกษาและพัฒนาการลงทุนในการใช้พลังงานในรูปแบบอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย ขณะที่ธุรกิจกรีนทรานสปอร์ต กลุ่ม EV Bike คาดว่าจะมีการเติบโตมากขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมาเป็นการเริ่มต้นธุรกิจเพื่อให้เกิดการยอมรับและนำไปใช้ในรถ EV เช่น มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่คนทั่วไปให้ความสนใจและหันมาใช้งานมากขึ้น ดังนั้น ในปีนี้จะเดินหน้าขยายรูปแบบธุรกิจนี้เต็มรูปแบบ คาดว่าจะมีการขยายจำนวนสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Swapping Battery Station) เพิ่มขึ้นอีก 300 ตู้ โดยปักหมุดเริ่มให้บริการที่เกาะสมุย พร้อมเติบโตไปคู่กับพันธมิตรรายใหญ่ ขณะเดียวกัน จะมีการร่วมจัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ระบบไฟฟ้าอีกด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนใน บริษัท ยู เอเลเม้นท์ จำกัด (“U Element”) ซึ่งประกอบธุรกิจจัดหาและจำหน่ายน้ำดิบเพื่อการอุตสาหกรรม โดยการเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญในบริษัท ยู เอเลเม้นท์ จำกัด จำนวนไม่เกิน 980,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 124 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท) หรือคิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 121.52 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วนไม่เกิน 49% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ บริษัท ยู เอเลเม้นท์ จำกัด
รวมทั้งได้เข้าไปลงทุนใน 2 บริษัทใหม่ ดังนี้ 1) บจก. เอเอส มาชาร์จ วงเงินไม่เกิน 6ล้านบาท สัดส่วน 60% ร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ ซึ่งจะถือหุ้นในสัดส่วน 40% เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการ เช่า มอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า จุดสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ และ ศูนย์ซ่อม ครอบคลุมทั้งเกาะสมุย และแห่งอื่น ๆ 2) บจก. เอเอ็มอาร์สปริงส์ วงเงินไม่เกิน 0.7 ล้านบาท สัดส่วน 70% ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท สปริง เอ็นเนอร์ยี่ 168 โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้น สัดส่วน 30% โดยประกอบธุรกิจ ด้านพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และจากพลังงาน หมุนเวียนอื่นๆ
บริษัทฯ ยังคงใช้ศักยภาพความเป็น SI รับงานการรับเหมาโครงการแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project) การให้บริการสัญญาบริหารจัดการและบริการซ่อมบำรุง (Operation and Maintenance) และการรับดำเนินงานแบบสัมปทานระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (backlog) กว่า 2,300 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าจากแผนธุรกิจดังกล่าวจะผลักดันการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมไปกับมุ่งหน้าต่อยอดธุรกิจ SI (System Integration) ภายใต้แนวคิดรักษ์โลก (Green Concept) โดยมุ่งให้ความสำคัญต่อการใช้พลังงานสะอาดพร้อมกับเป็นแรงขับเคลื่อนชุมชนสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะในอนาคต โดยการลงทุนในทั้ง 2 บริษัทนี้เป็นส่วนหนึ่งของผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดอย่างแพร่หลาย พร้อมไปกับการนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ช่วยลดการใช้พลังงานดั้งเดิมอย่างมาก ออกสู่ตลาดและจะเป็นการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง