ตลาดหลักทรัพย์ไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น เชื่อมโยงโอกาสการลงทุน จัดทำข้อมูลดัชนีเผยแพร่ใน 2 ตลาด
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (Shenzhen Stock Exchange: SZSE) ต่อยอดความร่วมมือเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการลงทุนให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จัก โดยนำเสนอดัชนีหลักที่สะท้อนถึงหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพและคุณภาพ ผ่านช่องทางของแต่ละประเทศ ได้แก่ www.settrade.com และ www.cnindex.com.cn เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึงหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 2 ประเทศ ติดตามข้อมูลได้แล้ววันนี้
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น มีความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการเชื่อมโยงข้อมูลการลงทุนและขยายโอกาสให้หลักทรัพย์ไทยและจีนให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ล่าสุด ได้แลกเปลี่ยนการเผยแพร่ข้อมูลดัชนีของแต่ละตลาดเป็นครั้งแรก โดยความร่วมมือนี้อยู่ภายใต้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านดัชนี (Index Cross-border Cooperation) ระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัท Shenzhen Securities Information Company Limited (SSI) บริษัทผู้จัดทำดัชนีในเครือ SZSE เพื่อให้ผู้ลงทุนในประเทศจีนได้นำข้อมูลไปวิเคราะห์ก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น ร่วมจัดสัมมนาการลงทุนแก่ผู้ลงทุนสถาบันจีน โดยผู้บริหารตลาดทุนและบริษัทจดทะเบียนไทยให้ข้อมูลแนวโน้มธุรกิจด้านพลังงานทดแทนของประเทศไทยเพื่อสะท้อนศักยภาพและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันจีน
ผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลการเผยแพร่ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ไทย ประกอบด้วย ดัชนี SET Index, SET50 Index และ SET THSI Index ได้ที่ www.cnindex.com.cn และดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น ประกอบด้วย ดัชนี Shenzhen Component Index, Shenzhen 100 Index TR, ChiNext Index, CNI A50 Index, CNI 2000 Index และ The Greater Bay Area Innovation 100 Index ที่ www.settrade.com ภายใต้เมนู Global โดยใช้ชื่อว่า “International Index Cooperation”
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับล่าสุดเมื่อปี 2562 เพื่อขยายโอกาสให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น พร้อมเปิดโอกาสการเชื่อมโยงตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองแห่งเพื่อเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้ามตลาด และความร่วมมือด้านดัชนี เป็นต้น รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์ร่วมกันอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี