ผถห. TACC อนุมัติจ่ายปันผล 0.19 บ./หุ้น-รับเงิน 23 พ.ค.นี้ ลั่นปี 66 เข้าสู่ Next S Curve หลังปิดดีล M&A รุกธุรกิจ Health and Wellness เต็มรูปแบบ
ผู้ถือหุ้น บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 พ.ค. รับเงินวันที่ 23 พ.ค.นี้ ฟากผู้บริหาร “ชัชชวี วัฒนสุข” มั่นใจรายได้ ปี 65 โต 10% ตามนัด พร้อมเข้าสู่ Next S Curve หลังปิดดีลเข้าซื้อการดำเนินการของ “บลัช บิวตี้ (ไทย)” เจ้าของแบรนด์ Bloss Natura ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และอาหารเสริมชั้นนำที่ผลิตจากประเทศเกาหลี พร้อมรุกธุรกิจ Health and Wellness เต็มรูปแบบ
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันที่ 27 เมษายน 2566 ที่ผ่านมามีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2565 ในอัตรา 0.19บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2566
“ที่ผ่านมาบริษัทฯ พยายามหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อสร้าง Next S Curve ในการเติบโตที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า นอกเหนือจากธุรกิจเครื่องดื่มที่เป็นจุดแข็งของ TACC โดยล่าสุดได้เข้าลงทุนจำนวน 40 ล้านบาท ในธุรกิจ Health and Wellness ผ่านการเข้าซื้อการดำเนินการของ บริษัท บลัช บิวตี้ (ไทย) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Bloss Natura ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และอาหารเสริมชั้นนำที่ผลิตจากประเทศเกาหลี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค” ถือเป็นการปูทางให้บริษัทก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจ Health and Wellness ครบวงจร และสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจของ TACC ได้
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามและอาหารเสริมแบรนด์ Bloss Natura ที่วางจำหน่ายในตลาด ปัจจุบันประกอบด้วย Body & Skin Supplement (Jeli) และ Skincare โดยมีดาราชั้นนำของเมืองไทยอย่าง คิมเบอร์ลี่ เป็นพรีเซนเตอร์ สินค้า ครีมกันแดด โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2567 อยู่ที่ 100 ล้านบาท
นายชัชชวี กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 2566 นั้นเป็นปีแห่งการลงทุนสู่ทศวรรษใหม่ (Invest for the next decade) โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu รวมทั้งออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และ เครื่องดื่ม Non Coffee Menu ใน All Café ทั้งในประเทศไทย และ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา
ส่วนกลุ่มธุรกิจ B2C (Non 7-Eleven) บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยาย Brand TRIVA (ทรีว่า) ไซรัปผลไม้เข้มข้นจากธรรมชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการ และสร้างความแตกต่างให้กับผู้ประกอบการ ร้านค้า คาเฟ่ (Total solution service offering) และสำหรับลูกค้าทั่วไป โดยเป็นสินค้าที่ต่อยอดการเจริญเติบโตของ TACC ในกลุ่ม B2C
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังโตตามการขยายสาขาของ Lotus’s ทั้งในส่วนของ Lotus’s Hyper และ Lotus’s go fresh และการร่วมมือกับ BON Café ในการพัฒนาเครื่องดื่ม เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่างๆ และรุกเข้าตลาดเมล็ดกาแฟ
ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ได้เตรียมขยายช่องทาง Online เพื่อขยาย Product Portfolio โดยตั้งเป้าหมาย 5-10% ทั้งในส่วนของการขายในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มยอดขายจากลูกค้ารายเดิม การเสนอสินค้าใหม่ๆ และพัฒนาสินค้าร่วมกัน เพื่อผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน