ปัจจัยภายนอกที่รุมเร้า / 1,520-1,540
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET แกว่งตัว Sideways: ตลาดถูกกดดันจากความกังวลกาวะศก.โลก หลังการรายงานตัวเลขสำคัญของประเทศ ศก.ขนาดใหญ่ที่ไม่เป็นอย่างที่ตลาดคาดหวังไว้ โดย 1) สหรัฐฯ ซึ่งรายงาน Core PCE เดือนมี.ค.ของสหรัฐฯ ขยายตัว 4.6% y-y แม้ชะลอตัวลงจาก 4.7%y-y ในเดือนก.พ. แต่สูงกว่าตลาดคาดที่ระดับ 4.5% y-y เป็นการสะท้อนภาพเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ยังกดไม่ลง และห่างไกลจากเป้าหมายของเฟด ทั้งนี้ CME FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมที่จะเริ่มต้นคืนนี้ โดยประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือถ้อยแถลงของปธ.เฟด เพื่อจับสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และ 2) จีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย.ที่ระดับ 49.2 ต่ำกว่าตลาดคาดและเดือนมี.ค.ที่ระดับ 51.4 และ 51.9 ตามลำดับ ทั้งนี้ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนกำลังหดตัว นอกจากนี้การรายงานตัวเลขศก.ของทั้งสองประเทศยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 1.46% สู่ระดับ $75.66 ต่อบาร์เรล และจะเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี คาดตลาดยังพอมีแรงหนุนจากภาพการท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากข้อมูลของบวก ซึ่งเผยว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมการบินเริ่มมีการฟื้นตัว แนวโน้มเที่ยวบินค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดเที่ยวบินปี 66 จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.1 แสนเที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 58% จากปี 65 และคาดว่าจะมีเที่ยวบินใกล้เคียงปี 62 ในปี 67 ประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน รวมถึงตลาดได้แรงหนุนจากมติปรับลดราคาน้ำมันดีเซลของกบน. ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และต้นทุนของภาคธุรกิจ
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว: AEONTS, CENTEL, CPALL, ERW, ICHI, OR, OSP, SAWAD 2) เก็งงบ 1Q66: AAV, AOT (2Q66), BA, BEM, SABINA, SAPPE, SIRI และ 3) Selective: GFPT, TFG
ปัจจัยบวก
- ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเดือนมี.ค.เกินดุล 4.8 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตลาดคาด และเดือนก.พ. ที่เกินดุล 1.0 และ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
- กบน.มีมติให้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเชลลง 0.50 บาท/ ลิตร จากราคา 32.94 บาท/ลิตร เป็น 32.44 บาท/ลิตร หรือลดเหลือ 32.50 บาท/ลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.
- ชินหัวรายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติจีน คาดปริมาณการเดินทางเข้าออกประเทศผ่านท่าด่านต่างๆ เฉลี่ย 1.2 ล้านครั้งต่อวันในช่วงหยุดยาววันแรงงาน ซึ่งเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีที่ผ่านมา
- JP Morgan ตกลงเข้าชื่อกิจการธนาคาร FRB ซึ่งเป็นการช่วยบรรเทาความเสียหายที่มีต่อ FDIC และคลายความกังวลต่อวิกฤตในภาคธนาคารของสหรัฐฯ
ปัจจัยลบ
- สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.อยู่ที่ 104.65 หดตัว 4.56%y-y สําหรับภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 1Q66 หดตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 3.94% จากอุปสงค์ต่างประเทศชะลอตัว โดยได้รับผลกระทบจากภาวะศก.โลกที่มีความไม่แน่นอนสูง
- IMF เรียกร้องให้ ECB เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปจนถึงกลางปี 67 และขอให้กลุ่มรัฐมนตรีคลังประเทศ EU คุณพับนโยบายการคลัง เพื่อฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2%
- ไต้หวันเผยศก.หดตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ และเข้าสู่ภาวะถดถอยใน 1Q66 (-3.02%y-y) จากการส่งออกที่ลดลง อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ด้านเทคโนโลยีทั่วโลกชะลอตัวลง
- ฟิทช์เรตติ้งปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสลงจาก AA สู่ AA- จากการคาดยอดขาดดุลงบประมาณของฝรั่งเศสปีนี้และปีหน้า สูงกว่าระดับเฉลี่ยของประเทศต่างๆ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AA
PICKS OF THE DAY
AAV BUY
- เป้าหมาย 2.80/2.90 แนวรับ 2.60/2.66
- 1Q66 คาดจะพลิกมามีกำไร: 1Q66 จำนวนผู้โดยสาร +216% y-y, +13% q-q มาที่ 4.58 ล้านคน ทำให้อัตราการขนส่งขึ้นมาสูงถึง 92% อีกทั้งคาดค่าตั่วทรง q-q, +62% y-y จาก Demand การเดินทางที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งการใช้เครื่องบินเพิ่มเป็น 45 ลำ จากปีก่อน 23 ลำ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง เงินบาทที่แข็งค่าจะมีกำไร FX ทำให้ 1Q66 จะมีกำไรสุทธิ
- ช่วงที่เหลือดีต่อเนื่อง: เม.ย. การเดินทางยังสูงจากวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ อีกทั้ง นทท. เดินทางเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะจีนที่ AAV กลับไปบินเพิ่ม ซึ่งปีนี้ ททท. คาด นทท. ต่างชาติและคนไทยท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป้าผู้โดยสารที่ 20 ล.คน เป็นไปได้จาก 1Q66 ที่ทำได้แล้ว 23%
GFPT BUY
- เป้าหมาย 11.10/11.70 แนวรับ 10.20/10.50
- ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว: มองผลประกอบการ 1Q66 เป็นจุดต่ำสุดของปี, ราคาไก่เดือน 4/66 ราว 42 บาท/กก. ฟื้นตัวจากเดือนมีนาคม มาอยู่ในระดับเดียวกับต้นปี จากเทศกาลและกิจกรรมการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ราคาสัตว์ปีกเริ่มฟื้นตัว คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวตามไปจนถึง 3Q66 ตาม seasonal ของธุรกิจ
BUYต่างประเทศได้มีการอนุญาตินำเข้าไข่ไก่จากไทยได้เป็นครั้งแรก อาทิ ไต้หวัน, มาเลเซีย ซึ่งจะทำให้ supply ในประเทศลดลง ดึงราคาอุตฯสัตว์ปีกในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อ GFPT ที่ทำธุรกิจไก่ - PE ต่ำ: ปัจจุบัน PE 6.6 เท่า ต่ำกว่าถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และต่ำกว่าช่วงโควิดที่อุตสาหกรรมไก่โดนผลกระทบหนัก