บล.ทรีนีตี้:
ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ – TEGH
ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท / Upside/Downside +36% / Median Consensus 6.60 บาท
คาดกําไร 1Q66 อ่อนตัว แต่อาจเห็นการฟื้นตัวใน 2H66
- คาดกำไร 1Q66 ที่ 110 ล้านบาท อ่อนตัว 32%QoQ และ 29%YoY
- ธุรกิจยางอ่อนตัว เนื่องจากราคาขายในไตรมาสนี้อิงสัญญาใน 4Q65 ซึ่งอ่อนตัวลง แต่ปริมาณขายยางยังเพิ่มขึ้นจากความต้องการของผู้ผลิตยางในประเทศ
- ธุรกิจปาล์มอ่อนตัวเช่นกันเนื่องจากเข้าช่วง Low Season
- แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขายในประเทศเป็นหลัก ทำให้ค่าขนส่งและค่าธรรมเนียมการส่งออกลดลง
- คาดราคาขายยางและปาล์มจะยังกดดันต่อเนื่องใน 2Q66 แต่จะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะธุรกิจปาล์มที่จะได้ผลบวกจากฤดูกาลและการปรับปรุงการผลิต
- ปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ลง สะท้อนแนวโน้ม 1H66 ที่อ่อนตัว
- ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 5.40 บาท แต่ราคาหุ้นยังมี Upside คงคำแนะนำ “ซื้อ”
คาดกำไร 1Q66 อ่อนตัวตามราคายางและปาล์ม
เราคาดกำไร 1Q66 ที่ 110 ล้านบาท อ่อนตัว 32%QoQ และ 29%YoY โดยคาดรายได้รวมอ่อนตัวลงราว 8%QoQ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นรวมอ่อนตัวลงเหลือ 9.9% จาก 10.9% ใน 4Q65 โดยในส่วนของราคาขายยางตามสัญญายังเป็นของ 4Q65 ทำให้อ่อนตัวลง แต่ยังได้รับผลบวกจากปริมาณขายยางที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการยางในกลุ่มผู้ผลิตล้อรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางอาจอ่อนตัวลง QoQ ขณะที่ในส่วนราคาขายและปริมาณขายปาล์มอ่อนตัวลงเช่นกันจากปัจจัยฤดูกาล ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดลดลง 16%QoQ หากคิดเป็นสัดส่วนต่อยอดขายคาดอยู่ที่ 6.6% ลดลงจาก 7.2% ใน 4Q65 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นการลดลงตามรายได้ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขายยางพาราในไตรมาสนี้ส่วนใหญ่เป็นการขายภายในประเทศ ทำให้ค่าขนส่งและค่าธรรมเนียมการส่งออก (Cess) ลดลง
ราคาขายยังกดดัน 1H66 แต่อาจเห็นการฟื้นตัวใน 2H66
เรามองว่าราคาขายยางและปาล์มจะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อเนื่องใน 2Q66 แต่อาจเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วง 2H66 เนื่องจากคาดว่าจะเห็นการส่งออกยางไปยุโรปเพิ่มขึ้น อีกทั้งจะเริ่มเข้าฤดูกาลที่ดีของธุรกิจปาล์ม ซึ่งบริษัทจะมีการติดตั้งหม้อนึ่ง (Boiler) เพิ่มเติมในช่วง 2Q66 ทำให้สามารถรองรับผลผลิตปาล์มตามฤดูกาลที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2H66 ได้ และไม่เกิดปัญหาคอขวดเช่นในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มกำไร 1H66 ที่คาดว่าจะอ่อนตัวเทียบ YoY ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลงราว 9% จากประมาณการก่อนหน้าลงเหลือ 720 ล้านบาท (+5%YoY)
ปรับราคาเป้าหมายลง
จากการปรับประมาณการ เราจึงปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 ลงเหลือ 5.40 บาท อิง PER 8 เท่า แต่ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันที่ซื้อขายกันที่ Forward PER 6 เท่า ขณะที่ Div. Yield ค่อนข้างสูง ราว 6-7% ทำให้ยังมี Upside จากราคาเป้าหมาย เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยง: ความผันผวนของราคายางและปาล์มน้ำมัน