บล.บัวหลวง:

System Integrator – เริ่มต้นปีอย่างช้าๆ ตามปกติ (OVERWEIGHT)

กำไรไตรมาส 1/66 ของกลุ่มผู้วางระบบจะไม่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปกติของไตรมาสแรกของปี แต่เราคาดจะยังคงเห็นการเติบโต YoY โดยธุรกิจจะดีขึ้นในช่วงหลังการเลือกตั้ง เราชอบ MFEC มากที่สุด

คาดจะเติบโต YoY ในไตรมาส 1/66

โดยปกติกลุ่ม SI จะรายงานกําไรที่ลดลง QoQ ในไตรมาสแรกของปีจากปัจจัยทางฤดูกาล แต่เราคาดจะยังคงเห็นการเติบโต YoY สําหรับทุกบริษัทที่เราให้ คำแนะนำ AIT จะรายงานกำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 138 ล้านบาท เติบโต 74% YoY (เทียบกับไตรมาส 1/65 ที่มีฐานต่ำมาก) แต่ลดลง 43% QoQ (จากปัจจัยทางฤดูกาล) สําหรับ ITEL เราคาดจะเห็นกําไรหลักที่ 65 ล้านบาท เติบโต 20% YoY (การรับรู้รายได้จาก Blue Solutions อย่างเต็มไตรมาส) แต่ลดลง 15% QoQ (ปัจจัยทางฤดูกาล) เราคาด MFEC จะรายงานทําไรหลัก ที่ 62 ล้านบาท เติบโต 16% YoY (ธุรกิจคลาวด์และปัญหาขาดแคลนชิปที่เบาลง) แต่ลดลง 16% QoQ (ปัจจัยทางฤดูกาล) ทั้งนี้บริษัทน่าจะรับรู้กำไรจากการขายบริษัท Vulcan Digital Delivery (VDD) ให้กับบริษัท Bluebik (BBIK) เข้ามาในไตรมาส 1/66 ดังนั้นเราคาดกำไรสุทธิจะเติบโต 45-60% YOY ในไตรมาสนี้

แนวโน้มปี 2566 ยังดูดี

เราคาดกำไรหลักปี 2566 ของ ITEL ที่ 314 ล้านบาท เติบโต 25% YoY หนุนจากโครงการใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น โครงการ e-Budgeting ที่มีมูลค่า 636.5 ล้านบาทยังไม่มีประกาศเลื่อนประมูลจากทาง กสทช. งานในมือล่าสุด ของ ITEL (ITEL และ Blue Solutions) คิดเป็น 57% ของประมาณการรายได้ปี 2566 ของเรา สำหรับ AIT เราคาดกําไรหลักปี 2566 ที่ 654 ล้านบาท เติบโต 5% YoY หนุนจากโครงการเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐ โดยงานในมือ (และโครงการที่รอค่าสั่งซื้อ) คิดเป็น 44-47% ของประมาณการรายได้ปี 2566 ของเรา บริษัทเพิ่งเริ่มเฟสที่ 3 ของโครงการ สังคมดิจิทัลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมูลค่ารวม 260 ล้าน บาท นอกจากนี้ AIT กําลังทํางานร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่ (PDPA) สัญญามีมูลค่า 205 ล้านบาท

AIT และ ITEL มีแนวโน้มที่จะได้งานใหญ่หลังจากการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. อิงจากปี 2562 กำไรของทั้ง AIT (โต 66% YoY) และ ITEL (36% YoY) เติบโตขึ้นอย่างมาก โครงการในปีดังกล่าวเช่น ICT สําหรับรัฐสภาของ AIT (เฟส 1) และสัญญา USO-2 ของ ITEL ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่บริษัทมี ยุคใหม่ของ MFEC กําไรหลักปี 2566 ของ MFEC คาดที่ 318 ล้านบาท เติบโต 34% YoY หนุนจากปัญหาการขาดแคลนชิปที่เบาลง และการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ และรายได้ประจํา หาก MFEC ไม่สามารถหารายได้อื่นมาทดแทนในส่วนที่หายไป ของ VDD ได้ จะเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรหลักปี 2566 ของเราที่ 7% จากการขาย VDD ออกไป ทำให้ MFEC กลายมาเป็นผู้ให้บริการโลว์โค้ด หรือโนว์โค้ดแทน ซึ่งยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าดีหรือไม่ดี ดังนั้นเราจึง ยังคงประมาณการกำาไรหลักปี 2566 ไว้ดังเดิมก่อน

MFEC จะได้รับเงินจากการขาย VDD ที่ 641 ล้านบาท ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มกำไรอีก 5% เพื่อที่จะชดเชยรายได้ที่ หายไปของ VDD ในวันที่ 7 เม.ย. บริษัทประกาศการลงทุน 500 ล้านบาทในบริษัทย่อยใหม่ Synergy Group Ventures ซึ่งจะไปลงทุนในบริษัท start-ups โดยใช้เงินที่ได้จากการขาย VDD นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสสู่ตลาด ESG เช่น การตรวจวัดคาร์บอนและการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับชาวนา ทั้งนี้ปัจจุบัน MFEC ได้ให้บริการด้าน AI กับทางภาครัฐด้วย ได้แก่การอธิบายเก่ียวกับ AI และตรวจสอบว่าทำงานได้อย่างถูกต้อง รวมถึงแก้ไขปัญหาด้านจริยธรรมและกฎระเบียบ

- Advertisement -