บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Singer Thailand (SINGER.BK/SINGER TB)*
เปลี่ยนผู้บริหารในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
Event
อัพเดตแนวโน้ม, ปรับประมารการกำไร, ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566F และปรับลดคำแนะนำ
Impact
เปลี่ยนตัวผู้บริหารในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
SINGER แจ้ง SET ว่า CEO (คุณกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์) ได้ลาออกจากตำแหน่งและบริษัทได้แต่งตั้ง คุณ นราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ (CEO ของ J-Mobile) เป็น CEO คนใหม่ของ SINGER ทั้งนี้ คุณกิตติพงศ์ ถือเป็นผู้บริหารสำคัญที่นำพา SINGER พลิกฟื้นสถานการณ์จากขาดทุนเป็นการฟื้นตัว เรามองว่าสถานการณ์นี้ดูไม่ปกติ เพราะ SINGER กำลังเผชิญกับปัญหา NPL ก้อนใหญ่จากธุรกิจสินเชื่อลิสซิ่ง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดำเนินการจากบริษัทลูก (SGC) ดังนั้น การลาออกของผู้บริหารคนสำคัญจึงเป็นสัญญาณลบต่อแนวโน้มผลประกอบการในระยะสั้น และทำให้เกิดความกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว
…แนวโน้มการเติบโตนาเป็นห่วง
SINGER ถูกวางกลยุทธ์ให้เป็นช่องทางหลักในการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับ J-Mobile โดยยอดขายในปี 2565 ของ SINGER เกือบ 1 พันล้านบาท (หรือประมาณ 36% ของยอดขายรวม) เป็นการขายสินค้า IT ที่มากจาก J-Mobile นอกจากนี้ JMART (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SINGER) ก็พยายามจะผลักดันให้ SINGER เป็นกลไกหลักสำหรับธุรกิจการปล่อยขยายสินเชื่อผู้บริโภคบนฐานลูกค้าของ BRR ทั้งนี้ การเปลี่ยนตัวผู้บริหารรอบล่าสุดนี้อาจจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าธุรกิจในอนาคตของ SINGER จะเป็นไปหาสินค้า IT จาก J-Mobile ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่สินค้าจะกระจุกตัว และความเสี่ยงด้านการตั้งสำรอง เพราะการปล่อยกู้เพื่อซื้อสินค้า IT มีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูง
การแก้ NPL ทําใหเกิดความกังวลกับคชจ.สำรองฯ และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
NPL ที่แท้จริงของ SINGER พุ่งสูงขึ้นอย่างมากใน 4Q65 โดย NPL ratio อยู่ที่ประมาณ 11-12% (หากนับรวม NPA ที่บันทึกเป็นสินค้าคงคลังด้วย) ทั้งนี้ เนื่องจากยังมีการจัดชั้นลูกค้าที่อ่อนไหวบางรายเป็นสินเชื่อที่ปกติ (performing loan) อยู่ใน 4Q65 แต่เราคิดว่าลูกค้าเหล่านี้อาจจะกลายมาเป็น NPL ใน 1Q66 และกระทบคชจ.สำรองฯ และคชจ.การด้อยค่าของสินทรัพย์ก้อนใหญ่ ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐาน คชจ.สำรองฯ ใน 1Q66 เป็น 8% (จาก 5.6% ใน 4Q65) และในปี 2566 เป็น 6% (จาก 2.5% ในปี 2565)
ปรับลดกำไรปี 2566F/2567F -53%/29%, ปรับลดราคา TP-66F เหลือ 11.60 บาท, และแนะนำขาย
การปรับลดประมาณการกำไรของเรานะท้อนถึง 1) คชจ.สำรองฯ (credit cost) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 6%/4% ในปี 2566/2567 (จากเดิมที่ 3%/2.5%) 2) การปรับลดอัตราการเติบโตของยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็น -20%/+10% (จากเดิมที่ -5%/+10%) 3) การปรับลดอัตราการเติบโตขอสินเชื่อเป็น -6%+5% (จากเดิมที่ -5%+10%) ทั้งนี้ เนื่องจากมี NPL เกิดใหม่จำนวนมาก และมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร เราจึงคิดว่า SINGER น่าจะต้องใช้เวลาสักระยะในการล้างงบดุล และฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เราใช้ PE ที่ 15x โดยอิงจากประมาณการกำไรเฉลี่ย 2 ปี ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายที่ 11.60 บาท (ลดลงจาก 24 บาท) ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำจากถือเป็นขาย
Risks NPL เพิ่มขึ้น และตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง