Daily Focus: Domestic and Earnings Play 

2023SET Target: 1700

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงทดสอบ Low เดิมบริเวณ 1,518 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อกลับในช่วงบ่าย หนุนดัชนีฟื้นตัวขึ้นปิดทรงตัว ณ สิ้นวัน หุ้นที่ประคองตลาดคือ DELTA กลุ่มธนาคารและโรงไฟฟ้า ขณะที่หุ้นบางตัวมีแรงขายรุนแรง เช่น กลุ่ม JMART BTG ITC COM7 BCH เป็นต้น สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 406 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาชื้อสุทธิ 1.5 พันลบ. (และ Long Index Futures อีก 9.8 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Down โดยมีแนวรับสําคัญที่ 1,518//1,500 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนไปในทางลบ ทั้งความกังวลความเสี่ยงปัญหาภาคธนาคารสหรัฐฯ ที่อาจลุกลาม รวมถึงการขยายเพดานหนี้ว่าจะทันวันที่ 1 มิ.ย. หรือไม่ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงแรง 5% กดดันกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำในวันนี้ ขณะที่กลุ่ม Anti-Commodity อย่างโรงไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง คาดว่าจะ Outperform ตามที่ประเมิน ตลาดรอดูผลการประชุม FED คืนนี้ ซึ่งคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย ครั้งสุดท้ายอีก 0.25% สู่ระดับ 5-5.25% โดยต้องติดตามถ้อยแถลงว่าจะส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ส่วนในประเทศวันนี้จะมีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ตลาดคาด Core PCI +1.7% y-y ชะลอจากเดือนก่อนหน้าและมีแนวโน้มขยับลงต่อเนื่อง เป็นบวกต่ เสถียรภาพของเศรษฐกิจและกำลังซื้อ และคาดว่าจะทำให้กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง เช่นกัน สู่ระดับ 2% กลางปีนี้ เรายังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play จะยังเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่า Global Play และมีแนวโน้ม Outperform ตลาดได้ต่อเนื่อง จากทิศทางเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวเป็นขาขึ้น รวมถึงยังมี Catalyst จากการหาเสียงและความคาดหวังเชิงบวกต่อผลการเลือกตั้ง  ระยะสั้นยังเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดประกาศกำไร 1Q23 ออกมาแข็งแกร่ง

กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนหุ้น Domestic และคาดกําไร 1Q23 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด

หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : BA, BDMS, CPALL, ICHI, TOA

หุ้นเด่นวันนี้ : BGRIM

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 47 บาท
  • โมเมนตัมก่าไร 1Q23 ฟื้นตัวตามการปรับขึ้นค่า Ft ของภาคธุรกิจ หนุนให้ Margin ฟื้นตัว ขณะที่ไตรมาสถัดๆไปคาดทยอยได้อานิสงส์จากต้นทุนก๊าซที่ปรับลง โดยเฉพาะการผลิตจากแหล่งเอราวัณที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น
  • เราประเมินกำไรปกติปี 2023 ที่ 2.7 พันลบ. เติบโต 6.2x y-y จากฐานต่ำปีก่อน ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรงเมื่อคืนที่ผ่านมาจะเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่ม Anti-Commodity Play อย่างโรงไฟฟ้า
  • แนวรับ 37-36.50 บาท แนวต้าน 40-41//42 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นพอสมควรที่ US$553 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$375 ล้าน และ US$146 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลเข้าไทยสูงสุด US$44 ล้าน แต่ไหลออกจากอินโดนีเซียบางๆ US$14 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดชะลอการไหลเข้า หรือมีโอกาสพลิกมาไหลออกได้จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ ตลาดรอดูผลการประชุมและถ้อยแถลงของประธาน FED คืนนี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) หลายปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามช่วงวันหยุดยาว เริ่มจากการประชุม FED คืนนี้ ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5-5.25% ด้วยความน่าจะเป็นสูงกว่า 90% รวมถึงต้องติดตามถ้อยแถลงว่าจะส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหรือไม่ ส่วนวันพฤหัสฯ ติดตามการประชุม ECB ตลาดคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25% สู่ระดับ 3.25% ขณะที่วันศุกร์จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือน เม.ย. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.8 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า 2 แสนตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางตลาดในสัปดาห์หน้า

(0) AP คาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 1.4 พันลบ. +25% q-q, -17% y-y โดยการลดลง y-y เกิดจากฐานยอดโอนที่สูงใน 1Q22 ที่ทำ Record High อย่างไรก็ตามในแง่ q-q คาดยังเติบโตจากยอดโอนที่สูงขึ้น หนุนจากโครงการ Low Rise ขณะที่ฝั่ง Margin คาดว่ายังเห็นการปรับขึ้นต่อเนื่อง และสูงสุดในรอบ 10 ปี ด้าน Presales 1Q23 ชะลอตัว -15% q-q และ Y-Y แต่ยังเป็นระดับที่แข็งแรง และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นใน 2Q23 เป็นต้นไป จากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เร่งขึ้น เราคาดกำไรปี 2023 ที่ 6.3 พันลบ. +7% y-y คงราคาเป้าหมาย 14 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) TACC คาดกำไรสุทธิ 1Q23 ที่ 46 ลบ. +5% q-q, -24% y-y เริ่มฟื้นตัวจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง แต่ยังเป็นกำไรลดลง Y-Y เพราะต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งนี้ต้นทุนนมผงที่ยังคงทรงตัวสูง ใกล้เคียง 4Q22 คิดเป็นการเพิ่มขึ้น +30% y-y ทำให้รายได้ 1Q23 ที่คาดโตดี +11% y-y ไม่สามารถหักล้างได้ แนวโน้มกำไร 2Q23 จะเร่งตัวขึ้น หลังปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มผงสำหรับโถกด ได้ตั้งแต่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ขณะที่เริ่มเจรจาราคานมผงล็อตใหม่ใน 2Q23-3Q23 ถูกลง -8% q-q จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น 2Q23 จะฟื้นตัวได้อีกครั้ง เรา อาจปรับลดกำไรปี 2023 ลงราว 10% เป็น 240 ลบ. ทรงตัว y-y และมีแนวโน้มปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 8 บาท และมองผ่านกำไรต่ำสุดไปแล้วใน 4Q22 ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 367.17 จุด หรือ -1.08% ปิดที่ 33,684.53 จุด ตลาดถูกกดดันจากความกังวลในภาคธนาคารของสหรัฐ รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ถูกกดดันจากการปรับลงจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุม FED และ ECB ในสัปดาห์นี้

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุม FED ในสัปดาห์นี้

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 71.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ในขณะที่เช้านี้ทรงที่ระดับ 71.63 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.04%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 31.10 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 2,023.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของสหรัฐ เป็นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อที่ ระดับ 2,024.80 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.07%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 928.30 / 3.47

- Advertisement -