บล.บัวหลวง:

Bumrungrad Hospital (BH TB/BH.BK)

BH – ได้เวลาล็อคกำไร

เราแนะนําล็อคกำไรก่อนรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 ที่ไม่น่าตื่นเต้น ปัจจุบัน BH ซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 34.9 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 30.7 เท่า อยู่ 14% ราคาหุ้นปัจจุบันเข้าใกล้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ของเราที่ 250 บาท ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำจาก ชื้อ เป็น ถือ

การเติบโตของรายได้ชะลอตัวในไตรมาส 1/66; คาดรายได้จากตลาดต่างชาติสองกลุ่มหลักลดลง QoQ

BH รายงานรายได้ธุรกิจการแพทย์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.1 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้น 47% YoY (ปัญหาโควิดในไตรมาส 1/65) และ 1% QoQ รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติอยู่ที่ 67% (4.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% YoY และ 2% QoQ) และ 33% สําหรับรายได้จากผู้ป่วยชาวไทย (2.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY แต่ลดลง 1% QoQ) มีสัญญาณรายได้ปรับลดลง QoQ จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติโดยเฉพาะจากฝั่งตะวันออกกลาง  รายได้จากผู้ป่วยฝั่งตะวันออกกลางมีมูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/66 (25% ของรายได้ไตรมาส 1/66) เพิ่มขึ้น 147% YoY แต่ลดลง 4% QoQ; รายได้จากผู้ป่วยกลุ่มอินโดจีนอยู่ที่ 950 ล้านบาท (16% ของรายได้ในไตรมาส 1/66) เพิ่มขึ้น 60% YoY แต่ลดลง 5% QoQ ในทางตรงกันข้าม รายได้จากผู้ป่วยชาวจีนและสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ แม้รายได้จากต่างประเทศโดยรวมจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ แต่ตลาดต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งของ BH รายงานรายได้ลดลง QoQ

แนวโน้มไตรมาส 2/66 อ่อนแอ

BH รายงานกำไรไตรมาส 1/66 ท่าสถิติใหม่ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% YoY และ 2% QoQ หนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ผู้ป่วยต่างชาติ (โดยเฉพาะจากฝั่งตะวันออกกลาง) และหนุนโดยอัตราค่าไรขั้นต้นก่อนเดือน รอมฎอน (23 มี.ค.-21 เม.ย. ในปีนี้) อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 5 พ.ค. BH ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มไตรมาส 2/66 โดยผู้บริหารคาดการณ์แนวโน้มอ่อนแอในไตรมาส 2/66

แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 จะลดลง 10-15% QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล โดยปกติอุปสงค์ด้านการแพทย์ในเดือนเม.ย.-มิ.ย.จะเป็นช่วงต่ำสุดของปี นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/66 รายได้จากเคสผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น 30.1% YoY แต่ลดลง 4.9% QoQ (อัตรากำไรขั้นต้นของผู้ป่วยจากฝั่งตะวันออกกลางอยู่ ที่ 47.9% ในไตรมาส 1/66 เนื่องจากสัดส่วนที่สูงจากกรณีผู้ป่วยหนัก) แต่ในไตรมาส 2/66 จะมีผู้ป่วยจากฝั่งตะวันออกกลางน้อยลงอย่างมาก ดังนั้น รายได้จากเคสผู้ป่วยหนักจะลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของธุรกิจการแพทย์จะลดลง

เราปรับลดค่าแนะนำจาก ชื้อ เป็น ถือ

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 15% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (SET ลดลง 8.1%) และ 75% นับตั้งแต่ที่เราแนะนำ ซื้อ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2564 ปัจจุบัน BH ชื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 34.9 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 14% ที่ 30.7 เท่า ปัจจุบันราคาหุ้นเข้าใกล้เป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ของเราที่ 250 บาท ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำจากชื้อเป็นถือ

อาจมีทั้งอัพไซด์และดาวน์ไซด์

อาจมีอัพไซด์หากเกิดปัจจัยดังน้ี: 1) การเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติและเคสผู้ป่วยหนักที่มากกว่าคาด 2) การแข่งขันในกรุงเทพฯ ที่อ่อนแอกว่าคาด และ 3) การควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น และอาจมีดาวน์ไซด์หากเกิดปัจจัย ดังน้ี: 1) อัตรากำไรขั้นต้นกลับสู่ระดับปกติเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น 2) การแข่งขันด้านบุคลการกลับมาอีกครั้ง และ 3) หนี้สินที่หนักขึ้นอย่างมากจากการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ในภูเก็ต ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มในไตรมาส 4/66

 

- Advertisement -