บล.บัวหลวง:
Thai Union Group (TU TB/TU.BK)
TU – กำไรหลักดีกว่าคาดเล็กน้อย; คาดกำไรไตรมาส 2/66 กลับมาเติบโต QoQ
กําไรหลักสูงกว่าคาดเล็กน้อย
TU รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 1.02 พันล้านบาท ลดลง 41% YoY และ 17% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 1/66 ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 215 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่า ยุติธรรมของหุ้นบุริมสิทธิของเรด ล็อบสเตอร์ 300 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.11 พันล้านบาท ลดลง 35% YoY และ 45% QoQ กำไรสุทธิสูงกว่าคาด 25% เนื่องจากกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มากกว่าคาด ในขณะที่กําไรหลักดีกว่าคาด 5% เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากเรด ล็อบสเตอร์ และอวานติที่สูงกว่าคาด และรายการเครดิตภาษีที่มากกว่าคาด ยอดขายต่ำกว่าคาด 3% อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 15.1% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้าที่ 15.5% (และเทียบกับ 17.5% ในไตรมาส 1/65 และ 17.3% ในไตรมาส 4/65) ส่วนแบ่งกำไรจากเรด ล็อบสเตอร์สูงกว่าที่เราคาดคิดเป็น 21%
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กําไรหลักที่ลดลง YoY เนื่องจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่เพิ่มขึ้น (ซึ่งเป็นผลจาก Dilution Effect จากการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ TU ใน ITC ลง หลังจากที่ ITC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือนธ.ค. 2565) ซึ่งกลบผลกระทบค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงและการพลิกฟื้นไปเป็นส่วนแบ่งกําไรของเรด ล็อบสเตอร์ อุปสงค์สําหรับสินค้าทุกผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลง เนื่องจากระดับสินค้าคงคลังของลูกค้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูง การขนส่งที่กลับสู่ภาวะปกติ และต้นทุนราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนแบ่งกำไรของ RL ในไตรมาส 1/66 (ที่ไม่รวมการปรับมูลค่าบัญชีของสัญญาเช่า) อยู่ที่ 121 ล้านบาท พลิกกลับ YoY และ QoQ จากส่วนแบ่งขาดทุนของ RL ในไตรมาส 1/65 และ 4/65 ยอดขายรวมในไตรมาสนี้ลดลง 10% YoY เนื่องจากยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (ลดลง 22% YoY) อาหารทะเลแช่แข็ง (ลดลง 15% YoY) สินค้ามูลค่าเพิ่มและอื่นๆ (ลดลง 10% YoY) และอาหารทะเลแปรรูป (ลดลง 2% YoY)
ยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ลดลงแรง YoY เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงจากการลดสต็อกของลูกค้าในประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป ต้นทุนปลาทูน่าที่เพิ่มสูงขึ้น และอัตราค่าระวางเรือที่ปรับลดลง ยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่ลดลง YoY เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดหลักของกุ้งและล็อบสเตอร์ที่ลดลง ยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงของลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มโออีเอ็มหรือรับจ้างผลิต อัตรากำไรขั้นต้นสําหรับธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปปรับตัวลดลงจาก 21.7% ในไตรมาส 1/65 เหลือ 18% ในไตรมาส 1/66 ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นสําหรับธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งปรับตัวลดลงจาก 9.3% เหลือ 7.9% ในไตรมาส 1/66 และอัตรากําไรขั้นต้นสําหรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงปรับตัวลดลงจาก 24.3% เหลือ 18% ในไตรมาส 1/66
แนวโน้ม
เราคาดกำไรหลักไตรมาส 2/66 ที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 26% YoY (ผลกระทบต่อเนื่องจากการลดสต็อกของลูกค้า และต้นทุนราคาปลาทูน่าที่สูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายลดลงและคำสั่งซื้อซะตัวออกไปจากเดิม) แต่เพิ่มขึ้น 17% QoQ (คำสั่งซื้อธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทพรีเมียมจากลูกค้าในสหรัฐอเมริกาที่เริ่มกลับมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 และการเป็นช่วงไฮซีซั่น) เรามองว่าสถานการณ์การระบายหรือลดสต๊อกของลูกค้ามีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุด ซึ่งถือว่าแย่ที่สุดไปแล้วในไตรมาส 1/66 และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/56 ผู้บริหารมองว่าราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มลดลงตั้งแต่เดือนก.ย. 2566 (จากระดับสูงสุดที่ 2,000 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 2/66) โดยคาดว่าอุปทานปลาทูน่ามีแนวโน้มกลับไปสู่ระดับปกติในไตรมาส 4/66 อัตรากำไรขั้นต้นยังคงที่จะมีแนวโน้มลดลง YoY ในช่วงไตรมาส 2/66-4/66 เนื่องจากฐานที่สูงมากในปี 2565 แต่คาดว่าจะกลับมาปรับตัวดีขึ้น QoQ ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2566 เรด ล็อบสเตอร์มีแนวโน้มรายงานขาดทุนที่ลดลง YoY ในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ภายใต้สมมติฐานของเป้าหมายขาดทุนลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 600 ล้านบาทสำหรับในปี 2566
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คําแนะนํา เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/66 ตามด้วยกำไรที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น QoQ ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/66 ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 3/66