บล.บัวหลวง: 

Thai Union Feedmill (TFM TB/TFM.BK)

TFM – ต่ำกว่าคาด; ไตรมาส 1/66 ที่เป็นจุดต่ำสุด ตามด้วยไตรมาส 2/66 ที่จะโตก้าวกระโดด QoQ

กําไรสุทธิและกำไรหลักต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสําคัญ

TFM รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 28 ล้านบาท เทียบกับกำาไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 1 ล้านบาท และกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 17 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 1/66 ซึ่งได้แก่ ขาดทุนจากการตั้งด้อยค่าลูกหนี้การค้า 3 ล้านบาท และกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 2 ล้านบาท ขาดทุนหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 27 ล้านบาท พลิกกลับจากกำไรหลักในไตรมาส 1/65 ที่ 5 ล้านบาท และกำไรหลักในไตรมาส 4/65 ที่ 32 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิและขาดทุนหลักต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้า ซึ่งเป็นกำไรสุทธิและกำไรหลัก 20 ล้านบาท สําหรับในไตรมาส 1/66 เนื่องจากอัตรากําไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด (จากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง) ยอดขายเป็นไปตามที่เราคาด อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/66 อยู่ในระดับที่ต่ำมากเพียงแค่ 4.1% เทียบกับประมาณการของเราก่อนหน้าที่ 8% (และเทียบกับ 7% ในไตรมาส 1/65 และ 7.4% ในไตรมาส 4/65)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ผลประกอบการหลักที่แย่ลง YoY เนื่องจากอัตรากําไรขั้นต้นที่ลดลงแรง (เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ กากถั่วเหลือง ข้าวสาลี และปลาป่น) และค่าใช่จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น (จากค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายด้านการขาย) กลบผลกระทบของยอดขายที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ยอดขายในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 14% YoY หนุนโดยยอดขายอาหาร กุ้ง (เพิ่มขึ้น 22% YoY) และยอดขายอาหารสัตว์บก (เพิ่มขึ้น 25% YoY) ในทางตรงกันข้าม ยอดขายอาหารปลาลดลง 1% YoY เนื่องจากกลยุทธ์การหันมาเน้นการขายอาหารปลากะพงที่ให้อัตรากําไรในระดับสูง และการลดผลิตภัณฑ์อาหารปลาประเภทอื่นที่ให้อัตรากําไรในระดับต่ำ ปัจจัยหลักที่ผลักดันยอดขายในไตรมาสนี้มาจากราคาขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์โดยเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น 13% YoY ในขณะที่วอลุ่มขายอาหารสัตว์โดยเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น 0.5% YoY

ยอดขายอาหารกุ้งในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 22% YoY หนุนโดยราคาขายอาหารกุ้งที่ปรับเพิ่มขึ้น 14% YoY และวอลุ่มขายอาหารกุ้งที่เพิ่มขึ้น 7% ยอดขายอาหารปลาปรับลดลง 1% YoY เนื่องจากการปรับเพิ่มราคาขายกลบผลกระทบของยอดขายที่ลดลง จากการหันไปขายอาหารปลากะพงที่ให้มาร์จิ้นในระดับที่สูง ยอดขายอาหารสัตว์บกเพิ่มขึ้น 25% YoY จากทั้งวอลุ่มขายที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 14%) และราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 10%) และเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง อัตรากําไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารกุ้งปรับตัวลดลงจาก 12.4% ในไตรมาส 1/65 เหลือ 6.3% ในไตรมาส 1/66 ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารปลาก็ปรับลดลงเช่นกันจาก 3.2% เหลือ -0.4% ในไตรมาส 1/66

แนวโน้ม

เราคิดว่าขาดทุนในไตรมาส 1/66 มีแนวโน้มเป็นจุดต่ำสุดของปี 2566 ก่อนจะทยอยฟื้นตัว QoQ ตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 3/66 ซึ่งจะได้รับปัจจัยหนุนจากช่วงไฮซีซั่นสําหรับการเลี้ยงกุ้งของไทยและการเลี้ยงปลาในปากีสถานในไตรมาส 2/66 และการคาดการณ์สถานการณ์ที่ราคาวัตถุดิบที่มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป เราคาดกำไรหลักไตรมาส 2/66 ที่ 16 ล้านบาท ทรงตัว YoY แต่ฟื้นตัว QoQ จากขาดทุนหลัก 27 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/66 ที่ 8-9% เทียบกับ 7.2% ในไตรมาส 2/55 และ 4.1% ในไตรมาส 1/66 บริษัทคาดว่า TUKL มีแนวโน้มถึงจุดคุ้มทุนในแง่ของบรรทัดกําไรขั้นต้นได้ภายในไตรมาส 3/66 ผู้บริหารได้เห็นต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมลดลง 3-5% ภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา และคาดว่าต้นทุนวัตถุดิบโดยถัวเฉลี่ยมีแนวโน้มลดลง 4-5% ในช่วงไตรมาส 2/66 และ 3/66 (โดยต้นทุนกากถั่วเหลืองที่ล็อคราคาล่วงหน้ามีแนวโน้มถูกลงมากกว่า 5%) ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงจะเป็นปัจจัยกระตุ้นกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

เพื่อทำการปรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายในปี 2556 ซึ่งได้แก่ อัตราการเติบโตของยอดขายที่ 8-10% อัตรากำไรขั้นต้นที่ 9-12% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ 6-8% บวกกับผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 1/66 เราจึงทำการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลงอีก 31% (เหลือ 151 ล้านบาท) เพื่อสะท้อนยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลดลง (จาก 9.9% เหลือ 8.7%) และราคาเป้าหมายปรับลดลงอีก 18% (เหลือ 10 บาท)

คำแนะนำ

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TFM จากการคาดการณ์กำไรที่จะกลับมาฟื้นตัว QoQ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/66 หลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/66

 

- Advertisement -