บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

Thai Consumer Finance – คาดกำไรครึ่งปีแรกยังถูกกดดัน (NEUTRAL) 

จากต้นทุนสินเชื่อและต้นทุนเงินทุนที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าราคาหุ้นกลุ่ม Finance ในปี 2566 จะเคลื่อนไหวแย่กว่าดัชนี SET 10% YTD แต่เรายังคงมุมมองเท่าตลาด  เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยบวกในระยะสั้นนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิในครึ่งหลังของปี 66 น่าจะถูกกดดันจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากกลุ่มธนาคาร ขณะที่ NIM ลดลง ต้นทุนสินเชื่อและอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพสูงขึ้น เราเลือก ASK และ AEONTS เป็นหุ้นเด่นของเรา เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจกว่า และผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดี คงแนะนำ “ถือ” TIDLOR และ MTC ในขณะที่ชอบ SAWAD น้อยที่สุดเนื่องจากความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงกว่า และ NPL coverage ต่ำที่สุด ทั้งนี้ หากคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นหลังเลือกตั้งและการท่องเที่ยวพื้นตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 66 เราจะกลับมามีมุมมองบวกต่อกลุ่มนี้อีกครั้ง

คาด MTC กำไรลดลง 15% YoY ใน 1Q66

เราคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 1/66 ของ MTC อยู่ที่ 1.17 พันล้านบาท ลดลง 15% YoY (จากต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้น) และเพิ่มขึ้น 4% QoQ (เนื่องจาก NII ที่สูงขึ้น) เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 26% YoY และ 3% QoQ โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ขณะที่ NIM มีแนวโน้มลดลง 20bps QoQ เนื่องจากต้นทุนเงินทุนที่สูงขึ้น เราประเมิน opex จะเพิ่มขึ้น 12% YoY จากการเปิดสาขาใหม่ 294 แห่ง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 25bps QoQ เป็น 3.2% คาดต้นทุนสินเชื่ออยู่ที่ 4.0% ในไตรมาส 1/66 (เทียบ กับ 4.4% ในไตรมาส 4/65) MTC จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/66 ในวันที่ 9 พ.ค. และประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 11 พ.ค. เราคาดว่าต้นทุนสินเชื่อและต้นทุนเงินทุนที่เพิ่มขึ้นจะฉุดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/66 ต่อไป

คาด TIDLOR กำไรลดลง 8% YoY

เราประเมินกำไรของ TIDIOR อยู่ที่ 862 ล้านบาท ลดลง 8% YoY เนื่องจากต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้นใน 1Q66 เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 28% YoY และ 3% QoQ ส่วน NIM ลดลง 48bps QoQ เป็น 15.6% เนื่องจากต้นทุนเงินทุนที่สูงขึ้น คาดค่าธรรมเนียมนายหน้าประกันภัยจะหนุน non- NII เติบโต 18% YoY อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้น่าจะลดลงเหลือ 54.4% ในไตรมาส 1/66 จาก 57.5% ในไตรมาส 1/65 เนื่องจากการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง เราคาดการณ์ว่า NPL Ratio จะลดลงเล็กน้อย QoQ เป็น 1.58% TIDLOR จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/66 ในวันที่ 9 พ.ค. และจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 24 พ.ค. เราคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ TIDLOR จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า MTC เนื่องจากขยายสินเชื่อเชิงรุกน้อยกว่าในช่วงโควิดในปี 63-65

SAWAD สินเชื่อโตแกร่ง แต่งบดุลอ่อนแอ และสำรองต่ำ

เราประเมินกำไรของ SAWAD จะเติบโต 12% YoY แตะระดับ 1.16 พันล้านบาท เนื่องจากสินเชื่อและ NII เติบโตแข็งแกร่งในไตรมาส 1/66 โดยสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโต 5% QoQ และ 61% YoY นำโดยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ขณะที่ NII มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Opex น่าจะเพิ่มขึ้น 82% YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก เราเชื่อว่า SAWAD มีการตั้งสำรอง 212 ล้านบาท หรือ 1.5% credit cost ใน 1Q66 โดยอัตราส่วน NPL ของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้น 20bps QoQ เป็น 2.7% ในขณะที่ NPL Coverage มีแนวโน้มลดลง 2ppts QoQ เป็น 52% SAWAD จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/65 ในวันที่ 15 พ.ค. เราคาดว่าอัตราส่วน NPL ของ SAWAD น่าจะเพิ่มขึ้นช้ากว่าคู่แข่ง เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อที่เริ่มฟื้นตัวในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า OPEX, NPLs และ credit cost จะเพิ่มขึ้น QoQ ใน 4Q66 และปี 67 จากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่

- Advertisement -