ดอกเบี้ยสูงจะคงอยู่ไปกับเรา / 1,555-1,570
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET แกว่งตัว Sicleways to sideways down: บรรยากาศตลาดในวันนี้ คาดเป็นไปในโทนลบ โดยแรงกดดันหลักมาจากความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก หลังปีเตอร์ คาซิเบียร์ ผู้กำหนดนโยบายของ ECB เผยว่า ECB อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าคาด และเดือนก.ย.อาจเป็นเวลาเร็วที่สุดในการพิจารณาว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินมีประสิทธิภาพหรือไม่ สอดรับกับปธ.เฟดนิวยอร์กที่เผยว่าเฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อไม่ได้ปรับตัวลง และไม่เห็นเหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะต้องใช้เวลาอีก 2 ปี เพื่อให้กลับสู่ระดับ 2% อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังรอการเปิดเผยเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือนเม.ย.ในคืนนี้ ซึ่งตลาดคาด CPI ขยายตัว 5.0%y-y เท่ากับเดือนมี.ค. แต่ขยายตัว 0.4% m-m เร่งตัวจาก 0.1% m-m ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้การเร่งตัวของเงินเฟ้ออาจเป็นสัญญาณให้เฟดกำหนดนโยบายในทิศทางที่เข้มงวดต่อไป ขณะที่บรรยากาศทางลบของตลาดในวันนี้คาดถูกจำกัดด้วยแรงเก็งกำไรในผลประกอบการ 1Q66 ของ บจ.ในไทยที่จะรายงานออกมาต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ กอปรกับภาพการ เลือกตั้งที่กำลังจะเข้ามาถึง จะเป็นแรงหนุนสำคัญให้เกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มจับจ่ายใช้สอยและที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง ทั้งนี้คาดว่านักลงทุนสถาบันจะยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญต่อตลาด หลังเดือนพ.ค. ชื้อสุทธิแล้ว 9.34 พันลบ. (MTD) รวมถึงตลาดมีหวังการกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ สอดรับกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าเข้าใกล้ 33.6 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+เลือกตั้ง+เปิดเทอม: AEONTS, BEM, BJC, COM7, CPALL, CRC, HMPRO, MAKRO, KTC, SAWAD 2) เก็งงบ: AOT, BA, BGRIM, CK, GULF, MAJOR, TRUE และ 3) Big Cap.: BBL, CENTEL, KBANK, PTT, SCB
ปัจจัยบวก
- FETCO แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนโดยผลสำรวจในเดือน เม.ย. พบว่าดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 110.09 เพิ่มขึ้น15.1% m-mยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว โดยนักลงทุนมองว่าการเลือกตั้งในประเทศจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด
- ททท. เผยว่าภายในเดือนพ.ค.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยทะลุ 1 ล้านคนแน่นอน (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 เม.ย. มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 8.4 แสนคน) และมั่นใจด้วยว่าทั้งปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นไปตามเป้าหมายจํานวน 5.3 ล้านคน สร้างรายได้ 4.46 แสนลบ. และถ้ามีปัจจัยบวกมาเสริมมีโอกาสได้ถึง 7 ล้านคน
ปัจจัยลบ
- IMF เผยปัญหาในภาคธนาคารนั้นยังไม่จบสิ้น และธนาคารใน EU ก็ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหา ตราบใดที่ EU ยังไม่ยอมหารือเรื่องกลไกในการรับมือกับปัญหาธนาคารลับให้เสร็จสิ้น หลังจากที่มีการหารือเรื่องดังกล่าวมาอย่างยาวนาน
- ผู้ว่าการ BOJ เผยทันทีที่เห็นว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน จะยุติ YCC และจากนั้นจะเริ่มกระบวนการปรับลดงบดุลบัญชี ทั้งนี้ Goldman Sachs และ BofA คาดว่า BOJ จะยุติการใช้ YCC ในเดือนก.ค.นี้
- รมต.ต่างประเทศจีนเผยว่าจีนจะตอบโต้ EU หากมีการขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนตามมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซีย
PICKS OF THE DAY
BGRIM BUY
- เป้าหมาย 41.25/42.75 แนวรับ 38.25/39.00
- คาด 1Q66 พลิกกลับมากำไร: ทางฝ่ายคาด 1Q66 BGRIM จะพลิกกลับ มากำไรอยู่ที่ 345 ลบ เนื่องจากการปรับค่า Ft สำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมขึ้นมาอยู่ที่ 154.92 สตางค์/kWh จากเดิมอยู่ที่เพียง 93.43 สตางค์/kWh ใน 4Q65 ประกอบกับปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะสูงขึ้นราว 5% q-q
- แนวโน้ม 2Q66 ยังสดใส: ทางฝ่ายคาดแนวโน้มกำไรใน 2Q66 ยังคงสดใส เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางฝ่ายคาดว่าการลดลงดังกล่าวจะสามารถชดเชยกับการลดลงของค่า Ft ได้
KTC BUY
- เป้าหมาย 55.75/57.25 แนวรับ 52.75/53.50
- เปิดเทอมกระตุ้นยอดใช้จ่าย: คาดว่าการเปิดเทอมจะช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตร รวมไปถึงความต้องการสินเชื่อให้กับ KTC ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่า ธรรมเนียม
- ต้นทุนดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัว: จากเงินเฟ้อที่เริ่มทรงตัว อาจจะทำให้การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีต่อไปไม่มาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อต้นทุนดอกเบี้ยของ KTC ให้เริ่มทรงตัวด้วยได้