AGE ท็อปฟอร์ม โค้งแรกปี 66 กวาดยอดขายถ่านหิน พุ่ง 1.06 ล้านตัน โชว์รายได้รวม 4,501 ลบ. – กำไรสุทธิ 296 ลบ. รับขยายตลาดถ่านหิน – โลจิสติกส์ ฉลุย
บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (“AGE”) ท็อปฟอร์ม โชว์งบไตรมาส 1/2566 ยอดขายถ่านหินพุ่งแตะ 1.06 ล้านตัน ดันรายได้รวมแตะ 4,501.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2 % ขณะที่กำไรสุทธิแตะ 296.4 ล้านบาท ขณะที่รายได้ในกลุ่มธุรกิจ (โลจิสติกส์ – เทรดดิ้ง – ลิสซิ่ง) เติบโตต่อเนื่อง ด้านผู้บริหาร “พนม ควรสถาพร” ประกาศเดินหน้าขยายตลาดเชิงรุก ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตอกย้ำอัตราการเติบโตในปีนี้ ที่ตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหิน 5.2 ล้านตัน และเป้ารายได้รวม 23,400 ล้านบาท ล่าสุดผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผลงวด ปี 2565โดยจ่ายทั้งหุ้นในอัตรา 10 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินสด 0.2256 บาท ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ และ เมื่อรวมการจ่ายปันผลพิเศษระหว่างกาล ทำให้ทั้งปี 2565 มีการจ่ายปันผลสูงถึง 0.4556 บาทต่อหุ้น
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) (“AGE”) ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติสก์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า แจ้งผลการดำเนินงาน ประจำงวดไตรมาส 1/2566 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 4,501.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) และมีกำไรสุทธิ 296.4 ล้านบาท ลดลง 5.8 % ซึ่งเป็นการเติบโตโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณการขายถ่านหินในประเทศเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดในประเทศ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 มีปริมาณการขายอยู่ที่ระดับ 1.06ล้านตัน โดยแบ่งเป็นปริมาณการขายถ่านหินในต่างประเทศ 0.02 ล้านตัน และปริมาณการขายถ่านหินในประเทศ 1.04 ล้านตัน
ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 598 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 % (YoY) แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการกับกลุ่มบริษัทในเครือ AGE จำนวน 431 ล้านบาท และรายได้ จากให้บริการกับกลุ่มลูกค้าภายนอก ซึ่งรวมรายได้จากการขายน้ำมัน และสินค้าเกษตร อยู่ที่ 167 ล้านบาท
“แม้ว่าราคาถ่านหินโลกมีการปรับตัวลดลง เมื่อเทียบจากช่วงที่ผ่านมา แต่ AGE มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังให้มีปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้ง AGE มี facility การขนส่งที่ครอบคลุม ทั้งทางบก ทางน้ำ ท่าเรือ และคลังสินค้า ซึ่งมีการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีต้นทุนการขนส่ง และต้นทุนการดำเนินกิจการที่สามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้ยังมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งให้บริการกลุ่มลูกค้าภายนอกเพิ่มขึ้น จากกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ ปูนซีเมนต์-ทราย และกากอุตสาหกรรม รวมทั้งการทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าเกษตร และธุรกิจเช่าซื้อรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2566”
ประธานกรรมการบริหาร AGE ยังได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2566 ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายตลาดแบบเชิงรุกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ในกลุ่มธุรกิจการจำหน่ายถ่านหิน พร้อมทั้งการจับตาตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินสำหรับปีนี้ไว้ที่ระดับ 5.2 ล้านตัน และมีรายได้รวม 23,400 ล้านบาท มาจากแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ การขยายตลาดทั้งในธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจโลจิสติกส์
ทางด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ขณะนี้ได้มีการสั่งซื้อรถบรรทุก เพิ่มขึ้นอีก 52 พ่วง ซึ่งทยอยรับมอบมาแล้วในช่วงต้นปี 2566 จำนวน 22 พ่วง เพื่อรองรับงานให้บริการขนส่งโลจิสติกส์ทั้งสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้ และยังมีแผนการลงทุนขยายพื้นที่คลังจัดเก็บสินค้า มูลค่า 50 ล้านบาท รวมถึงลงทุนในระบบบริหารจัดการ IT มูลค่า 10 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านโลจิสติกส์ ให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้สูงขึ้น
ขณะที่ธุรกิจลิสซิ่ง บริษัทฯ เริ่มทยอยปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก ให้กับพนักงานขับรถที่มีผลงานดีของบริษัท ภายใต้โครงการ “เถ้าแก่น้อย” ตั้งแต่ช่วงปี 2565 ที่ผ่านมา และล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการปล่อยสินเชื่อโครงการดังกล่าว ในเฟสที่ 2 จำนวน 9 รายแล้ว โดยปัจจุบันมีพนักงานเข้าร่วมโครงการฯ กว่า 16 ราย รวมทั้งมีการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกให้กับพันธมิตร จำนวน 2 ราย โดย บริษัทฯ มีการตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกเช่าซื้อให้กับพันธมิตร และผู้ร่วมโครงการ “เถ้าแก่น้อย” ในปีนี้ที่ระดับ 500 ล้านบาท
ล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้น ได้มีมติให้บริษัทฯ จ่ายปันผลงวดปี 2565 ทั้งในส่วนของหุ้นปันผล ในอัตรา 10 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 54,387,568.50 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.0500 บาท และจ่ายเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.2256บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 245,396,636.20 บาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งในรูปแบบของหุ้นปันผลและเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.2756 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 299,784,204.70 บาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ทั้งนี้หากรวมการจ่ายปันผลพิเศษระหว่างกาลในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และการจ่ายปันผลที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้ ส่งผลให้การจ่ายปันผลประจำปี 2565 ของบริษัทฯ รวมอยู่ในอัตรา 0.4556 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงินรวม 495,579,393.16 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 63.21 ของกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่านโยบายของบริษัทฯ ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 40