L&E เผยข่าวดี Q1 รับงานโครงการใหญ่เพิ่มหนุน Backlog แข็งแกร่ง อยู่ที่ 1,300 ลบ.ส่งซิกภาพรวม H1/66 ทรงตัว เชื่อครึ่งปีหลังฟื้นตัวทั้งในปท.-ตปท.
L&E ส่งซิกภาพรวม H1/66 ทรงตัว เผยข่าวดี!! ไตรมาสแรกได้รับงานใหม่ๆ โครงการใหญ่มาเพิ่ม Backlog อีกราว 300 ลบ. สนับสนุนงานในมือแข็งแกร่งอยู่ที่ 1,300 ลบ. ประเมินภาพรวมครึ่งปีหลังสดใสกว่าครึ่งปีแรก จากสถานการณ์ในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดี ภาพรวมทั้งปีเชื่อว่ายอดขายยังเติบโตได้ 5 – 10% ล่าสุดแจ้งงบ Q1/66 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 658 ลบ. ลดลง 18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 1.6 ลบ. เหตุจากสินค้าที่ขายให้ลูกค้าปลายทางที่สหรัฐอเมริกาที่ลดลง แม้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 31.3% จาก 24.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจก่อสร้างยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังจากCovid-19 คลี่คลายลง แต่การแพร่ระบาดยังไม่หมดไป โดยเริ่มขยายปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ธุรกิจก่อสร้างยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังจาก Covid -19 คลี่คลายลง แต่การแพร่ระบาดที่ยังไม่หมดไป โดยเริ่มขยายปรับตัวเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป และขั้นตอนการก่อสร้างส่วนใหญ่ แล้วจะติดตั้งโคมไฟฟ้าช่วงท้ายของโครงการ จึงเป็นเหตุให้ลูกค้าชะลอเลื่อนรับสินค้าเข้าหน่วยงาน กอปรกับตลาดสหรัฐอเมริกายังคงชะลอตัวเพราะได้รับผลกระทบจาก การขึ้นอัตราดอกเบี้ย และสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อ ทำให้รายได้จากงานขายไปต่างประเทศได้ปรับตัวลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทได้รับงานใหม่ๆมาเพิ่ม Backlog อีกประมาณเกือบ 300ล้านบาท เช่น งานเพิ่มจากโครงการ One Bangkok, โลตัสซุปเปอร์สโตร์, Forestia, Big C, Central, King Power, AOT เป็นต้น สนับสนุนให้ Backlog ของบริษัทฯ แข็งแกร่ง ปัจจุบันอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท
“ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีแรกคงยังทรงตัว แต่มีทิศทางที่ดีเนื่องจากบริษัทฯ มีงานใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ ซึ่งจากการประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะดีทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยภาพรวมทั้งปีเชื่อว่า ยอดขายยังคงเติบโตได้ 5-10 % จากปีที่ผ่านมา” นายอนันต์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 658ล้านบาท (ในจำนวนนี้ เป็นเงินชดเชย 28 ล้านบาท จากบริษัทพันธมิตรแห่งหนึ่งสำหรับใช้ปรับปรุงอาคารเพื่อผลิตสินค้าขายให้กับบริษัทดังกล่าวตามสัญญา) ลดลงจากปีก่อนหน้า 146 ล้านบาท หรือลดลง 18% เป็นผลจากรายได้จากการขายและให้บริการของงานโครงการเพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% (แม้มีงานโครงการมูลค่าประมาณ 58 ล้านบาท ต้องเลื่อนการรับรู้รายได้ไปเป็นไตรมาสถัดไปก็ตาม) และงานขายส่ง/ขายปลีกเพิ่มขึ้น 26 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 17%
ส่วนงานขายต่างประเทศนั้นลดลง 180 ล้านบาท หรือลดลง 72% ในไตรมาสนี้รายได้จากการขายและให้บริการในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น เป็นผลจากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เริ่มปรับตัวให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ได้ ส่งผลให้มีการขยายหรือปรับปรุงธุรกิจเพิ่มมากขึ้น แต่รายได้จากงานขายต่างประเทศได้ปรับตัวลดลงอย่างมาก สาเหตุใหญ่มาจากการขายสินค้าไปในตลาดอเมริกาได้ลดลง 193 ล้านบาท เป็นผลจากการแข่งขันที่เข้มข้นและตลาดที่ชะลอตัวลงจากปัญหาเศรษฐกิจและการเงินที่ประเทศนี้กำลังประสบอยู่
บริษัทฯ ขาดทุนสำหรับงวด 1.6 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไร 9.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 11.2 ล้านบาท เป็นผลจากปัจจัยต่อไปนี้ โดยกำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้อื่นลดลง 13.2 ล้านบาทหรือลดลง 6% เป็นผลจากยอดขายที่ปรับตัวลดลง แม้อัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับดีขึ้นจาก 24.6%ในปี 2565 เป็น 31.3% ในปี 2566 ทั้งนี้เพราะสินค้าที่ขายให้ลูกค้าปลายทางที่อเมริกาที่ลดลงมีอัตรากำไรเบื้องต้นต่ำกว่าสินค้าที่ขายทั่วไป
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายลดลง 1.3 ล้านบาท หรือลดลง 1% สาเหตุใหญ่มาจากปีที่แล้วบริษัทมีค่าขนส่งสินค้าที่จ่ายแทนลูกค้าไปก่อนแล้วเรียกเก็บจากลูกค้าภายหลังจำนวน12.0 ล้านบาท แต่ในปีนี้ไม่มีรายการดังกล่าว ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายแปรผันตามผลการดำเนินงานของธุรกรรมในประเทศ และการเพิ่มขึ้นจากการปรับเงินเดือนประจำปี รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นเพราะอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก 2.93% ในปี 2565 เป็น 3.86% ในปี 2566 และมีเครดิตภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 0.7 ล้านบาท