บล.บัวหลวง:  

Meb Corporation (MEB TB /MEB.BK)

MEB – กำไรไตรมาส 1/66 ใกล้เคียงคาดการณ์

กำไรสุทธิใกล้เคียงคาดการณ์

ในไตรมาส 1/66 MEB ประกาศกําไรสุทธิออกมาที่ 87 ล้านบาท โต 6% YoY แต่ลดลง 12% QoQ กำไรที่ประกาศออกมาใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 1/66 ที่ 455 ล้านบาท เติบโต 11% YoY แต่ลดลง 1% QoQ หากมองรายได้ตามแพลตฟอร์ม ในไตรมาส 1/66 E-book (ซึ่งหลักๆ คือ meb) ทำรายได้ที่ 415 ล้านบาท โต 9% YoY โดยการเติบโตมาจากการเพิ่มขึ้นของ MAU (Monthly Active User) เป็นหลัก ซึ่ง meb เห็นการเติบโตของ MAU ที่ 18% YoY ในขณะที่รายได้ต่อ MAU ในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 627 บาท ลดลง 8% YoY (จากจำนวน Active User ที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าการจับจ่ายต่อคน)

หากมาดูที่แพลตฟอร์ม readAwrite ในไตรมาส 1/66 รายได้อยู่ที่ 25 ล้านบาท โต 33% YoY การเติบโตของรายได้ readAwrite มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อ MAU เป็นหลัก โดยในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 5 บาท โตขึ้น 67% YoY ในขณะที่จํานวน MAU อยู่ที่ 5.5 ล้านราย ลดลง 6% YoY

ในไตรมาส 1/66 อัตรากำไรขั้นต้นของ MEB อยู่ที่ 30.6% เพิ่มขึ้นจาก 30% ในไตรมาส 1/65 และ 30.3% ในไตรมาส 4/65 จากรายได้จาก readAwrite ที่สูงขึ้น การซื้อหนังสือและบริการของ MEB ผ่าน Apple platform น้อยลง นอกจากนี้ MEB รายงานอัตราค่าใช้จ่ายต่อยอดขายไตรมาสที่ 1/66 ที่ 7.2% เพิ่มจาก 5.8% ในโตรมาส 1/65 (จากการจัดตั้งทีมผู้บริหารก่อนเข้าตลาด) และ 6.6% ในไตรมาส 4/65 (จากรายได้ที่ลดลง QoQ)

แนวโน้ม

จากงานสัปดาห์หนังสือที่บ้านที่จัดช่วง 28 มี.ค. – 16 เม.ย. 66 เรามองว่าจะผลักดันให้รายได้และกำไรในไตรมาส 2/66 เติบโต YoY และ QoQ ได้

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

แม้ผลประกอบการไตรมาส 1/66 ออกมาใกล้เคียงกับที่เราคาด  แต่การเติบโตของกำไรในไตรมาส 1/66 ที่ 6% YoY ถือว่าค่อนข้างน้อยกว่าตัวเลขประมาณการณ์ทั้งปีเดิมของเราพอสมควร เพื่อความสมเหตุสมผล เราจึงมีการปรับ ประมาณการกำไรปี 2566 ลง 7% และกำไรปี 2567 ลง 8% ทำให้ราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ณ สิ้นปี 2566 ของ MEB ปรับลงมาเป็น 37.0 บาท (จาก 40 บาท) คิดเป็น implied PER ปี 2566 ที่ 28.7 เท่า (PEG ที่ประมาณ 1.7 เท่า) ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงใกล้เคียงกันในกลุ่มบริการ Content

คําแนะนํา

ปรับคำแนะนำจากถือเป็น “ซื้อ” จากราคาหุ้นที่ลงมาค่อนข้างมาก (และต่ำกว่าราคา IPO Price ที่ 28.50 บาท) เรามองว่าที่ระดับราคานี้ น่าจะมี Downside risk ที่ต่ำมากแล้ว แม้ราคาหุ้นอาจจะต้องรอ catalyst ใหม่ๆ เช่นการประกาศโครงการขยายแพลตฟอร์มในประเทศและต่างประเทศในอนาคต ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นแนวทางชัดเจนมากขึ้นในปลายปี 2566 นี้ แต่การเติบโตของกำไรที่น่าจะเร่งขึ้นในไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป น่าจะเป็น catalyst ให้กับราคาหุ้นในระยะอื่นได้

- Advertisement -