บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +22.5%
Close May 9, 2023 20.40
Price 12M Target 25.00
SRI TRANG-AGRO INDUSTRY (STA) กำไร 1Q66 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY
Earnings Results
- บริษัทรายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 288 ลบ. มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และกำไรอื่นๆ สุทธิแล้วอยู่ที่ 23 ลบ. ทำให้กำไรปกติ 1Q66 อยู่ที่ 265 ลบ. ชะลอลง 49.7% QoQ และ 80.4% YoY จากการชะลอตัวของกำไรธุรกิจยางพารา ขณะที่กำไรธุรกิจถุงมือยางเห็นการฟื้นตัวดีขึ้น QoQ จากการลดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเราประเมินว่ากำไรปกติ 1Q66 มีโอกาสเป็นระดับต่ำสุดของปีแล้ว
- รายได้อยู่ที่ 2.44 หมื่นลบ. (-3.5% QoQ, -12.8% YoY) แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจยางพาราอยู่ที่ 2.00 หมื่นลบ. (-3.4% QoQ และ -4.6% YoY) ชะลอลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงเป็นที่ 49.9 บาท/กก. จากใน 4Q65 ที่ 53.5 บาท/กก. ตามทิศทางราคาในตลาดโลก แม้ปริมาณขายยังเติบโตได้เป็น 4.0 แสนตัน (+3.6% QoQ, +14.6%YoY) แต่ไม่สามารถชดเชยราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงได้ ขณะที่รายได้ธุรกิจถุงมือยางปรับลดลงเป็น 4.4 พันลบ. (4.4% QoQ, -37.5% YoY) จากการชะลอตัวของราคาขายเป็น 600 บาท/พันชิ้น กลับเข้าสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อน COVID-19
- อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.2% ลดลงจาก 12.4% ใน 4Q65 และ 16.2% ใน 1Q65 จากราคาขายเฉลี่ยโดยรวมของบริษัทที่ลดลง (ทั้งธุรกิจยางพาราและถุงมือยาง) ขณะที่ SG&A/Sales อยู่ที่ 8.7% ลดลงจาก 9.8% ใน 4Q65 จากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดีมากขึ้น แต่ยังสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 1Q65 ที่ 8.5%
Our Take
- เราคาดแนวโน้มกำไรปกติ 2Q66 เบื้องต้นจะฟื้นตัว QoQ ได้ โดยธุรกิจยางพาราคาดปริมาณขายจะเร่งสูงขึ้นได้ต่อ หนุนรายได้และอัตราการใช้กำลังการผลิต ในขณะเดียวกันธุรกิจถุงมือยางเริ่มเห็นสัญญาณการแข่งขันที่ลดลง หลังผู้ประกอบการในมาเลเซียประกาศถอนกำลังการผลิต ซึ่งจะช่วยลดปริมาณ Supply ถุงมือยางเป็นลำดับถัดไป ช่วยหนุนราคาขายเฉลี่ยถุงมือยางให้มีเสถียรภาพมากขึ้น และมีโอกาสที่ราคาขายถุงมือยางจะทำระดับต่ำสุดไปแล้วใน 1Q66 ขณะที่เทียบ YoY คาดกำไรจะยังลดลงจากฐานที่สูง
- เรายังคงมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2566 ที่คาดกำไรปกติที่ 2.75 พัน ลบ. ชะลอลง 27.4% YoY จากภาพอุตสาหกรรมยางพาราที่ชะลอตัวกดดันราคาขายเฉลี่ย และกำไรธุรกิจถุงมือยางที่ปรับสู่ระดับปกติ คงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่ 25.00 บาท อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความเสี่ยงด้าน Recession ในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งอาจกระทบต่อปริมาณความต้องการยางพาราของตลาด ทำให้ประมาณการของเราอาจมี Downside risk และเรามีโอกาสปรับประมาณการลงหากกำไรใน 2Q66 ฟื้นตัว QoQ ได้น้อยกว่าที่ประเมินไว้ จึงยังคงคำแนะนำ TRADING