บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +31.2%

Close May 9, 2022 Price 9.45

12M Target 12.40

BCPG กำไร 1Q66 ดีกว่าที่เราคาด แต่ใกล้เคียงที่ตลาดคาด

Earnings Results

  • BCPG รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 512 ล้านบาท (+73% QoQ, -62% YoY) หากหักรายการพิเศษ (เช่น การกลับรายการขาดทุนจากการด้วยค่าของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและอนุพันธ์) ออกกำไรปกติ 1Q66 อยู่ที่ 160 ล้านบาท (-57% QoQ, -69% YoY) สูงกว่าที่เราคาดราว 9% แต่ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของตลาด กำไรปกติที่ดีกว่าคาดการณ์ของเรามีสาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ 2 แห่ง (CCE และ SFE) ที่สูงกว่าคาดราว 11 ล้านบาท
  • แม้ใน 1Q66 บริษัทฯเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้า CCE และ SFE จำนวน 36 ล้านบาท (รับรู้ราว 1 เดือน) และได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นค่า Ft งวด ม.ค. – เม.ย. แต่กำไรปกติ 1Q66 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุ หลักมาจาก 1) การหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว (Nam San 3A และ 3B) เพื่อเตรียมสลับไปขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามแทนการไฟฟ้าลาว (ทำให้ทั้งสอง โครงการดังกล่าวมีผลขาดทุนรวมราว 200 ล้านบาทใน 1Q66) 2) รับรู้ผลกระทบจาก Adder ของโครงการในประเทศที่หมดอายุลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และ 3) รับรู้ ผลกระทบของการขายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียแบบเต็มไตรมาส (รับรู้ส่วนแบ่งกำไร 2 เดือนใน 1Q65)
  • BCPG จะมีการจัดการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 19 พ.ค.

Our Take

  • เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 2Q66 จะสามารถฟื้นตัวได้ QoQ ไปอยู่ในระดับ 250-300 ล้านบาทได้ แม้จะมีปัจจัยกดดันจาก Adder ของโครงการในประเทศที่หมดอายุลงในช่วง เดือน มี.ค. – เม.ย. (ราว 32MW) หนุนจาก 1) ปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ 2) การกลับมาจ่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวหลังผ่านช่วงของการทดสอบระบบจ่ายไฟฟ้าไปยังเวียดนาม (คาดภายในช่วงต้นเดือน มิ.ย.) และ 3) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า CCE และ SFE แบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก (คาดราว 90 ล้านบาท/ไตรมาส)
  • แม้กำไรปกติ 1Q66 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% ของกำไรทั้งปี แต่เรายังคงประมาณการปี 2566 ที่ 1,662 ล้านบาท (-20% YoY) โดยเรามองว่ากำไรของบริษัทฯจะเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีจาก 1) การกลับมาจ่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว 2) การเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าลงทุนในธุรกิจคลังน้ำมัน (คาดเสร็จสิ้นในช่วงปลาย 2Q66) และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯอีก 2 แห่ง (Liberty และ Patriot) กำลังผลิต 426MWe (คาดธุรกรรมเสร็จสิ้นใน 3Q66)
  • คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 12.40 บาท/หุ้น มี Upside +31.2% โดยเรามองว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวในระยะกลาง-ยาวเนื่องจาก 1) คาดกำไรปกติของ BCPG จะกลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีในปี 2567 (ธุรกิจใหม่และโครงการใหม่สามารถ ชดเชยผลกระทบจาก Adder ที่หมดลงได้) และ 2) Bond Yield ที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลงในระยะยาว จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะ 6 เดือนขึ้นไป
- Advertisement -