บล.บัวหลวง:
Thaifoods Group (TFG TB/TFG.BK)
TFG – ต่ำกว่าคาด; ไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มอ่อนแอต่อเนื่อง
กําไรสุทธิและหลักต่ำกว่าคาดอย่างมาก
TFG รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 425 ล้านบาท ลดลง 31% YoY และ 62% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 1/66 ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 82 ล้านบาท ขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพ 32 ล้านบาท การกลับรายการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ 7 ล้านบาท ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงิน 140 ล้านบาท และขาดทุนจากการประเมินมูลค่าที่ดินใหม่ 4 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 511 ล้านบาท ลดลง 21% YoY และ 63% QoQ ซึ่งทั้งกำไรสุทธิและหลักต่ำกว่าที่เราคาดคิดเป็น 43% และ 27% ตามลำดับ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหา รและภาระภาษีจ่ายที่สูงกว่าคาด ยอดขายสูงกว่าคาด 4% ในขณะที่อัตรากําไรขั้นต้นที่ 12.8% ถือว่าต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้าที่ 14% (และเทียบกับ 15.3% ในไตรมาส 1/65 และ 16.9% ในไตรมาส 4/65) กําไรหลังหักภาษีต่ำกว่าคาด 29%
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กําไรหลักที่ปรับตัวลงแรง YoY เป็นผลเนื่องมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงแรง (วอลุ่มขายไก่ที่ลดลง ราคาขายหมูที่ลดลง และต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งขึ้นแรง) บวกกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาระภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด กลบยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และสําหรับในไตรมาส 1/66 ราคาตลาดสําหรับหมูไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 88 บาท/กก. ลดลง 7% YoY และ 13% QoQ และราคาตลาดสําหรับไก่ไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 40.8 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 9% QoQ รายได้จากธุรกิจไก่ของ TFG ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 4.62 พันล้านบาท ลดลง 8% YoY และ 26% QoQ โดยได้รับปัจจัยกดดันจากวอลุ่มขายไก่ที่ลดลง (6.2 หมื่นตัน ลดลง 14% YoY และ 9% QoQ) ในขณะที่ราคาขายไก่ของ TFG เฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 59.7 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 14% YoY แต่ลดลง 11% QoQ รายได้จากธุรกิจหมูของ TFG ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.12 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY (แต่ลดลง 8% QoQ) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากวอลุ่มขายหมูที่เพิ่มขึ้น (2.77 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 22% YoY และ 6% QoQ) ราคาขายหมูของ TFG เฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 81.2 บาท/กก. ลดลง 9% YoY และ 17% QoQ กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจไก่ของ TFG ในไตรมาสนี้ลดลง 61% YoY แต่กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจหมูของ TFG ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 98% YoY
แนวโน้ม
ราคาหมูมีชีวิตไทยปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดล่าสุดที่ 100 บาท/กก. ในเดือนม.ค. 2566 มาอยู่ในระดับต่ำสุดล่าสุดที่ 76 บาท/กก. ในเดือนพ.ค. 2566 (หรือปรับตัวลดลงมาแล้ว 24%) ในขณะที่ราคาลูกหมูก็ปรับตัวลดลง 50% เช่นกัน (มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดล่าสุดที่ 1,700 บาท/ตัว) เราเชื่อว่าสถานการณ์การลักลอบนำเข้าเนื้อหมูป่าชำแหล่ะ และหมูมีชีวิตจากประเทศเพื่อนบ้านกลับมารุนแรงมากขึ้นอีกครั้งในเดือนพ.ค. ถึงแม้ว่าราคาไก่มีชีวิตไทยได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นในเดือนพ.ค. (จาก 37-38 บาท/กก. ในเดือนเม.ย. ไปเป็น 41-43 บาท/ กก. ในเดือนพ.ค.) และราคาลูกเจี๊ยบก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งเช่นกันในเดือน พ.ค. (จาก 11.5 บาท/ตัว ในเดือนเม.ย. ไปเป็น 15.5 บาท/ตัว ในเดือนพ.ค.) เนื่องจากอุปสงค์ส่งออกที่เพิ่มขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น และการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น แต่เรายังระมัดระวังต่อภาพของอุปทานไก่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 เนื่องจากการเข้าสู่โลว์ซีซั่นของช่วงฤดูฝน นอกจากนี้เราคาดว่าอุปทานหมูมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากผู้ประกอบการหมูรายย่อยตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ต่อเนื่องไปยังปี 2567 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาหมูไทยให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ราคาเฉลี่ยของไก่ไทยและหมูไทยนับตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/66 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 38.6 บาท/กก. (ลดลง 5% ทั้ง YoY และ QoQ) และ 82.4 บาท/กก. (ลดลง 16% YoY และ 6% QoQ) เราคาดกำไรหลักไตรมาส 2/66 ของ TFG ที่ 650 ล้านบาท ลดลง 57% YoY แต่เพิ่มขึ้น 27% QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เนื่องจากกำไรไตรมาส 1/66 ที่ออกมาต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้า เราจึงทำการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลงอีก 30% (เหลือ 2.83 พันล้านบาท) เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลดลง (จาก 16.6% เหลือ 13.9%) และราคาเป้าหมายของเราปรับลดลงอีก 29% (เหลือ 5.9 บาท)
คำแนะนำ
ถึงแม้ว่าเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TFG เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่ถูกมาก ณ ปัจจุบัน แต่เรามองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบเข้าลงทุนในหุ้น TFG เนื่องจากกำไรที่จะยังคงมีแนวโน้มลดลง YoY ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/66 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/66