บล.ฟิลลิป:
TRUE: งวดแรกหลังควบรวมยังขาดทุน
ทยอยซื้อ TP’66: 9.00
ทางฝ่ายคาดรายได้ที่ปรับตัวลดลงทั้ง y-y และ q-q กอปรกับจำนวน Subscriber ที่เพิ่มขึ้นแบบ q-q น้อยกว่าฝั่งคู่แข่ง เป็นผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น นอกเหนือไปจากผลจาก Seasonal ขณะที่ต้นทุนการควบรวมยังปรากฎในงวดนี้ ทำให้ผลรวมบริษัทยังต้องเผชิญการขาดทุน ทางฝ่ายลดเป้ากำไรปีนี้ลงสู่ 3 พัน ลบ. และลดราคาเป้าหมายจาก 9.2 บาท สู่ 9 บาท ด้วย Upside 10.4% จึงคงคำแนะนำเป็น “ทยอยซื้อ” แต่นักลงทุนระยะสั้นแนะนำหาจังหวะ Trading Short
งบรวม | 1Q66 | 4Q65 | 1Q65 | % y-y | % q-q |
กําไร | -492 | -9,936 | 1,422 | -135% | 95% |
EPS | n.a. | n.a. | 0.04 | -135% | 95% |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- 1Q66 ยังเห็นขาดทุน: งวด 1Q66 บริษัทรายงานรายได้ลดลงสู่ระดับ 5.14 หมื่น ลบ. (-3.9% q-q, -6.7%y-y) อันเป็นผลกระทบจาก Seasonal และผลกระทบจากการแข่งขันในอุตสาหกรรม ธุรกิจหลักทำให้ Blend ARPU ลดลงสู่ 203 บาทต่อเดือนต่อเลขหมาย ขณะที่ลูกค้ำกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ลดลงอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจ Fixed Broadband ยังทรงตัว สวนทางกับคู่แข่งที่ยังเติบโตเพิ่มขึ้น ด้านต้นทุนสูงขึ้นสู่ 4 หมื่นลบ. (+12.8%q-q,+19.1%y-y) จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จากการควบรวมกิจการใน 1Q66 และสำหรับงวดนี้ บริษัทแสดงผลขาดทุน 492 ลบ.
- ลดเป้ากำไรปีนี้ลงสู่ 3 พ้น ลบ.: การควบรวมที่ผ่านมา ทำให้ทางฝ่ายคาดจะเห็นกำไรได้ตั้งแต่งวดแรกหลังควบรวม แต่ผลลัพท์กลับน่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ในอีก 3 ไตรมาสที่เหลือของปี ทางฝ่ายคาดหวังทั้งรายได้จะเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว, ต้นทุนลดลงจากไม่มีต้นทุนควบรวมเข้ามาแล้ว และผลได้จาก Economies of Scale ที่บริษัทเคยได้ให้ความหวังไว้ แต่งวดแรกเริ่มต้นด้วยค่าติดลบ ทำให้ทางฝ่ายลดคาดกำไรปี 66 ลงจาก 5.3 พันลบ. สู่ 3 พันลบ. (+151%y-y)