บล.ฟิลลิป:
PTTGC: 1Q66 พลิกกลับมากำไร
ทยอยซื้อ TP’66: 48.00
ผลการดำเนินงาน 1Q66 ออกมาดีกว่าคาด แต่แนวโน้ม 2Q66 คาดว่ายังคงอ่อนแอ เนื่องจาก GRM ของโรงกลั่น ที่คาดว่าจะถูกกดดันจากอุปทานใหม่ ประกอบกับส่วนต่างราคาปิโตรเคมีขั้นกลางที่คาดว่ายังคงอยู่ในระดับต่ำ ทาง ฝ่ายปรับประมาณการ และราคาพื้นฐานลง พร้อมกับปรับคำแนะนำเป็น “ทยอยซื้อ” จากเดิม “ซื้อ”
งบรวม | 1Q66 | 4Q65 | 1Q65 | % y-y | % q-q |
กําไร | 83 | -968 | 4,212 | -98.0 | n.a. |
EPS | 0.02 | -0.21 | 0.93 | -98.0 | n.a. |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- ผลการดำเนินงาน 1Q66 ออกมาดีกว่าคาด: ผลการดำเนินงาน 1Q66 ออกมาดีกว่าคาด โดยพลิกกลับมากำไรอยู่ที่ 82 ลบ. เนื่องจาก GRM ออกมาดีกว่าคาดูอยู่ที่ 10.3 ดอลลาร์/bbl ปรับตัวสูงขึ้นจาก 9.7 ดอลลาร์/bbl ใน 4Q65 เนื่องจาก crude premium ที่อ่อนตัวลง และขาดทุนจากสต๊อกน้ำมั้นที่น้อยกว่าคาดอยู่ที่ 1,505 ลบ. ซึ่งลดลงจาก -3,455 ลบ. ใน 4Q65 ประกอบกับส่วนต่างราคา BTX ออกมา มากกว่าคาดอยู่ที่ 248 ดอลลาร์/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยจาก 96 ดอลลาร์/ตัน ใน 4Q65 เนื่องจากอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่ ปรับตัวสูงขึ้นจากการเปิดประเทศของจีน และอุปสงค์ของน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวสูงขึ้น และผลการดำเนินงานยังมีแรงหนุนจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโพลิเมอร์ที่ปรับตัวดีขึ้น q-q เนื่องจากอุปสงค์ที่มากขึ้นในช่วงต้นไตรมาส ประกอบกับการปิดซ่อมบำรุงของโรงงานในภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่งผลให้ส่วนต่างราคาโพลิเมอร์ส่วนมากปรับตัวสูงขึ้น 2%-61% q-q นอกจากนี้ Allnex ยังมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น q-q เนื่องจากปริมาณการขายที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 199 พันตัน (+9% q-q, -12% y-y) แต่ในขณะเดียวกันผลการดำเนินงานถูกกดดันจากธุรกิจปิโตรเคมีขั้นกลางที่มีปริมาณการขายลดลงอยู่ที่ 612 พันต้น จากเดิม 672 พันตัน เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงาน MEG และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนมากลดลง 4%-51% q-q
- ปรับประมาณการ และราคาพื้นฐานปี 66 ลง: ทางฝ่ายปรับประมาณการกำไรปี 66 ลง 28% จากประมาณการเดิม พร้อมกับปรับราคาพื้นฐานลงมาอยู่ที่ 48 บาท (อ้างอิง PBV 0.73x จากเดิม 0.93x) พร้อมกับปรับคำแนะนำเป็น “ทยอยซื้อ” โดยหลักจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงกลั่น เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลที่อ่อนตัวลง ประกอบกับผลการดำเนินงานของโรงกลั่นใน 2Q66 ที่คาดว่าจะถูกกดดันจากอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปที่จะเข้ามาในปริมาณมาก และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ขั้นกลางที่คาดว่าจะยังคงอ่อนแอ เนื่องจากการเริ่มดำาเนินการของกําลังการผลิตใหม่