บล.ฟิลลิป:
OR: 1Q66 พลิกกลับมากำไรตามคาด
ซื้อ TP’66: 27.00
ผลการดำเนินงาน 1Q66 พลิกกลับมากำไรตามคาด จากการกลับมาเดินเครื่องตามปกติของโรงกลั่นในประเทศ ส่งผลให้ค่าการตลาดฟื้นตัว และจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่อ่อนตัวลง ทำให้คาดว่าค่าการตลาดจะสามารถทรงตัวได้ที่ระดับราคานี้ ทางฝ่ายยังคงแนะนำ “ซื้อ”
งบรวม | 1Q66 | 4Q65 | 1Q65 | % y-y | % q-q |
กําไร | 2,975 | -743 | 3,845 | -22.6 | n.a. |
EPS | 0.24 | -0.06 | 0.32 | -24.9 | n.a. |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- 1Q66 พลิกกลับมากำไรตามคาด: กำไรสุทธิ 1Q66 ออกมาตามคาดอยู่ที่ 2,975 ลบ. พลิกกลับมากำไร q-q แต่ลดลง 22.6% y-y เนื่องจากธุรกิจ Mobility มีค่าการตลาดใน 1Q66 อยู่ที่ 1.01 บาท/ลิตร (+110.4% q-q, -11.4% y-y) จากการกลับมาเดินเครื่องตามปกติของโรงกลั่นในประเทศหลังจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนในช่วง 4Q65 และมีปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 7,002 ล้านลิตร (+0.3% q-q, +4.1% y-y) โดยหลักมาจากการเดินทางท่องเที่ยวที่มากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการขายน้ำมันอากาศยานของธุรกิจพาณิชย์ปรับตัวสูงปรับตัวสูงขึ้น q-q ขณะที่ปริมาณการขายของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันอ่อนตัวลง q-q เนื่องจากไตรมาส 4 เป็น high season ของธุรกิจ สำหรับธุรกิจ Lifestyle มี EBITDA อยู่ที่ 1,289 ลบ (+5.1% q-q, -4.5% y-y) โดยหลักมาจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง q-q แต่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบ y-y และในไตรมาสนี้ Cafe Amazon มีปริมาณการขายอยู่ที่ 91 ล้านแก้ว มากกว่าเป้าหมายที่ OR ตั้งไว้ที่ 90 ล้านแก้วเล็กน้อย ในส่วนของธุรกิจ Global มี EBITDA อยู่ที่ 396 ลบ (+56.5% q-q, -7.9% y-y) ซึ่งสาเหตุที่ผลการดำเนินงานของธุรกิจ Global ปรับตัวดีขึ้น q-q มาจากกำไรต่อลิตรในประเทศกัมพูชา และ สสป.ลาว ที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายโดยรวมที่ลดลง ขณะที่การอ่อนตัว y-y มาจากกำไรต่อลิตรในประเทศฟิลิปปินส์ที่ลดลงจากต้นทุนมันที่อยู่ในระดับสูง