บล.ฟิลลิป:
KCE: 1Q66 รับผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ถือ TP’66: 38.00
1Q66 ยอดขาย PCB ลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก GPM ลดลงผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า ค่าแรงและค่าไฟเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิ 345 ลบ. -41.4%y-y -31.0%q-q, 2Q66 คาดรายได้ยังลดลง q-q และ y-y มองว่าเป็นจุดต่ำสุดของปี คาดกำไรปีนี้ –y-y ปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ”
งบรวม | 1Q66 | 4Q65 | 1Q65 | % y-y | % q-q |
กําไร | 345 | 500 | 590 | -41.4 | -31.0 |
EPS | 0.29 | 0.42 | 0.50 | -41.4 | -31.0 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- 1Q66 กำไร -y-y และ -q-q : ยอดขาย PCB ลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ลูกค้าลดคำสั่งซื้อ Double Side และ Multi-layer PCB ลงทั้ง q-q และ y-y แต่ HDI ยังคงเพิ่มขึ้น q-q และ y-y, ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้การรับรู้รายได้ในรูปเงินบาทลดลง y-y และ q-q, GPM 19.6% ลดลง y-y และ q-q ค่าแรงและค่าไฟเพิ่มขึ้นมากกว่าต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลง และจากการนำเข้าวัตถุดิบในช่วงค่าเงินบาทอ่อน, กำไรสุทธิ 345 ลบ. -41.4%y-y-31.0%q-q
- 2Q66 ยังไม่ฟื้น: คาดรายได้ยังลดลง q-q และ y-y การระบายสต๊อคของลูกค้าโดยเฉพาะในจีนต้องใช้ระยะเวลา เนื่องจากกลุ่มยานยนต์มีหลายชิ้นส่วนประกอบ ส่วนยุโรปและอเมริกายังไม่เห็นภาพที่ฟื้นตัว, แต่ GPM จะดีขึ้นจากผลกระทบของค่าเงินที่จะน้อยกว่าไตรมาสแรก มองผลประกอบการจะอยู่ในจุดต่ำสุดของปีนี้, บริษัทฯพยายามปรับสายการผลิตมาเป็น HDI เพิ่มมากขึ้น รองรับการเติบโต คาดจะทำให้มีสัดส่วนรายจาก 30% ใน 1Q66 เป็น 35% ภายในปีนี้, ทางฝ่ายฯ ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 ลงที่ 1,697 ลบ. -26.8%y-y ราคาพื้นฐานปี 66 ที่ 38.00 บาท/ หุ้น ปรับคําแนะนําเป็นลงเป็น “ถือ”