บล.ฟิลลิป:
AMANAH: กำไรลด y-y q-q จากสำรอง
ซื้อ TP’66: 4.34
การเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระสินเชื่อของลูกค้า ทำให้ NPL เพิ่มขึ้น และทำให้การตั้งสำรองเพิ่มสูงขึ้นมาก ถึงแม้ว่าจะยังปล่อยสินเชื่อได้ดี และทำให้รายได้ดอกเบี้ยยังคงเติบโต ทางฝ่ายมีการปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ลง และปรับลดราคาพื้นฐานลงมาเหลือ 4.34 บาท ยังมีส่วนต่าง จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”
งบรวม | 1Q66 | 4Q65 | 1Q65 | % y-y | % q-q |
กําไร | 43 | 93 | 75 | -42.1 | -53.3 |
EPS | 0.04 | 0.09 | 0.07 | -42.1 | -53.3 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 1Q66 ลดลง y-y q-q: AMANAH รายงานกำไร 1Q66 43 ลบ. ลดลงมาก 42.1% y-y และ 53.3% q-q จากการตั้งสำรองที่เพิ่มสูงขึ้นมาก จากการเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระสินเชื่อของลูกค้าที่ค่าปรับการชำระล่าช้าลดลงมาก จากเกณฑ์ Market conduct ของ ธปท. และทำให้รายค่าธรรมเนียมลดลงด้วย ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นได้จากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น
- สินเชื่อเติบโต แต่ NPL ก็เพิ่มขึ้นด้วย: AMANAH สามารถปล่อยสินเชื่อในไตรมาสนี้ได้ 515 ลบ. ถือเป็นตัวเลขที่ดี โดยเพิ่มขึ้นจาก 1Q65 ที่ปล่อยได้ 450 ลบ. ถึงแม้ว่าปกติไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสที่ปล่อยสินเชื่อได้น้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม NPL ก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเป็น 4.2% จาก 3.9% ในไตรมาสก่อน
- ปรับลดประมาณการกำไร และราคาพื้นฐาน: จากการตั้งสำรองที่สูงกว่าคาด ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ลงเหลือ 245 ลบ. จากเดิมที่คาดไว้ที่ 394 ลบ. ลดลงจากปี 65 20.8% y-y และปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 4.34 บาท จากเดิม 4.56 บาท