บล.บัวหลวง: 

CP All (CPALL TB /CPALL.BK)

CPALL – กำไรมากกว่าคาด หนุนโดยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ

ผลประกอบการมากกว่าที่เราและตลาดคาด

CPALL รายงานกำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 4,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY และ 40% QoQ ซึ่งมากกว่าที่เราคาด 8% (และมากกว่าตลาดคาด 5% อ้างอิงจาก Bloomberg) สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานแข็งแกร่งของ 7-Eleven (7-Eleven รายงานยอดขายสาขาเดิมเติบโต 8%) และความสามารถของบริษัทในการควบคุมค่าใข้จ่ายในการขายและบริหาร เมื่อรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมการชำระต้นเงินก่อนกำหนด (ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ MAKRO) แล้วกำไรสุทธิยอง CPALL จะอยู่ที่ 4,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY และ 34% QoQ

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

บริษัทมีรายได้รวมที่ 215,895 ล้านบาท เติบโต 11% YoY แต่ลดลง 1% QoQ หากไม่รวมตัวเลขจาก MAKRO รายได้ของ 7-11 อย่างเดียวจะอยู่ที่ 94,634 ล้านบาท เติบโต 16% YoY (ทรงตัว QoQ) จำนวนลูกค้า 7-11 ฟื้นตัวเฉลี่ยมาอยู่ที่ 941 ราย/ร้าน/วัน ปรับตัวขึ้น 8% YoY และ 2% QoQ โดยการใช้จ่ายของลูกค้าเฉลี่ยมาอยู่ที่ราว 84 บาท/บิล ทรงตัว YoY แต่ลดลง 1% QoQ เนื่องจากจํานวนธุรกรรมร้านค้าเพิ่มขึ้น (โดยทั่วไปบิลจากการซื้อในร้านจะต่ำกว่าบิลของการซื้อผ่านออนไลน์และ delivery)

การเพิ่มขึ้นของยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารที่ราคาสูงขึ้น ส่งผลใหัอัตรากำไรของสินค้าประเภทอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดขายของใชัส่วนตัวที่เพิ่มขี้น หนุนอัตรากำไรของสินค้าที่ไม่ใช่อาหารให้ปรับตัวสูงขึ้น

หากไม่รวมตัวเลขจาก makro และ Lotus’s ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของ CPALL จะอยู่ที่ 27,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY แต่ลดลง 4% QoQ แม้ว่าค่าไฟฟ้าต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้ง YoY และ QoQ แต่บริษัทก็สามารถควบคุมระดับการใช้ต่อหน่วยในร้าน 7-Eleven ได้ (ค่าสาธารณูปโภคคิดเป็น 10% ของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ซึ่งเพิ่มขึ้น 45% YoY และ 3% QoQ) ดังวนั้นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจึงเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าการเติบโตของยอดขาย

แนวโน้ม

จํานวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงสงกรานต์และการเปิดภาคเรียนใหม่จะหนุนจํานวนการเข้าร้านค้าในไตรมาส 2/66 เราคาดว่ากำไรจะเติบโต YoY และ QoQ ในไตรมาสนี้

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

หลังจากการปรับลดประมาณการกำไรของ MAKRO เราได้ปรับลดประมาณการกำไรหลักของ CPALL ของเราลง 4% ในปี 2566, 4% ในปี 2567 และ 4% ในปี 2568 ดังนั้นราคาเป้าหมาย ราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแส เงินสด (DCF) ณ สิ้นปี 2566 ของเราจึงปรับลดลงเล็กน้อยจาก 78 บาท เหลือ 77 บาท กำไรหลักในไตรมาส 1/66 คิดเป็น 24% ของประมาณการกำไรหลักปี 2566 ใหม่ของเราที่ 17,164 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนในอดีตของกำไรไตรมาสแรกต่อตัวเลขกำไรทั้งปี

คําแนะนํา

เราคาดกำไรของ CPALL ที่เติบโตแข็งแกร่งในครึ่งแรกของปี 2556 จะลดราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น ซื้อ!

 

- Advertisement -