บล.บัวหลวง:
Major Cineplex Group (MAJOR TB / MAJOR.BK)
MAJOR – ตรงกับที่เราคาด
กําไรสุทธิตรงกับที่เราคาด แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด
MAJOR รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189% YoY แต่ลดลง 8% QoQ ซึ่งตรงกับที่เราคาด แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 157 ล้านบาท
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
รายได้ไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เติบโต 41% YoY แต่ลดลง 16% QoQ โดยเกือบทุกธุรกิจของ MAJOR รายงานการเติบโต YoY ได้แก่ยอดขายตั๋วหนัง (ขึ้น 43% YoY แต่ลดลง 17% QoQ) อาหารและเครื่องดื่ม (ขึ้น 47% YoY แต่ลดลง 16% QoQ) ธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ (ขึ้น 94% YoY แต่ลดลง 7% QoQ) โฆษณา (ขึ้น 42% YoY แต่ลดลง 15% QoQ) และพื้นที่ให้เช่า (ขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 8% QoQ) ในทางตรงกันข้าม รายได้คอนเทนต์หนังลดลง 21% YoY และ 34% QoQ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายตั๋วหนัง ไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 1.5% ขึ้นจาก -25% ในไตรมาส 1/65 แต่ลดลงจาก 15.6% ในไตรมาส 4/65 ทั้งนี้สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ของ MAJOR อยู่ที่ 25% ขึ้นจาก 16.8% ในไตรมาส 1/65 (ต้นทุนด้าน พนักงานที่สูงขึ้น) แต่ลดลงจาก 31.9% ในไตรมาส 4/65
แนวโน้ม
สำหรับธุรกิจหนัง มีหนังฟอร์มยักษ์ที่จ่อคิวเข้ามาในช่วงไตรมาส 2/66 ได้แก่ Guardians of the Galaxy: Vol.3 Fast & Furious 10 Spiderman Transformers The Flash และ Indiana Jones โดย MAJOR มีแนวโน้มที่จะรับรู้กำไรจากการขายการลงทุนของ MPIC ดังนั้นเราคาดกำไรสุทธิและหลักไตรมาส 2/66 จะปรับตัวขึ้น YoY และ QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราคงประมาณการกำไรหลักปี 2566 ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
คําแนะนํา
หลังจากการยกเลิกล็อคดาวน์ รายได้ของ MAJOR มีโมเมนตัมการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง แต่เรายังคงกังวลต่อพฤติกรรมการดูหนังของคนไทยที่เปลี่ยนไปหลังจากช่วงโควิด โดยยอดการไปดูหนังใหญ่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดแล้ว แต่นอกจากหนังใหญ่ จำนวนผู้บริโภคน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเทียบกับปี 2562 เราคาด MAJOR จะบันทึกกำไรจากการขายการลงทุนของ MPIC (ในไตรมาส 2/66) ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อบริษัทเป็นวงกว้าง