วันน้ีคาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,560 / 1,555 แนวต้าน 1,570 / 1,575 ติดตามผลการเลือกตั้งไทยเป็นสำคัญ สถิติบอกว่ามีโอกาส Rally ขึ้นได้ดีหากสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้เร็ว

Our View? “รอผลการเลือกตั้ง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” ยังมองแนวรับที่บริเวณ 1,560 / 1,555 และแนวต้านที่บริเวณ 1,570 / 1,575 คาดตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศบ้าง ตามความกังวลวิกฤตธนาคารในสหรัฐกดดันตลาดอีกครั้ง หลังจาก PacWest Bancorp รายงานต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ว่าเงินฝากของธนาคารลดลง 9.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของธนาคารขนาดกลาง-เล็กของสหรัฐได้ต่ออีกครั้ง ประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาดได้เช่นกัน โดยต้องติดตามการหารือรอบที่ 2 ระหว่าง ปธน.โจ ไบเดน และนายเดวิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับการออกกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ หลังจากกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐก่อนหน้าพ่วงด้วยเงื่อนไขในการปรับลดการใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงอาจมีการปรับลดการเรียกเก็บภาษีของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วย ซึ่งหากไม่ผ่านหรือไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ อาจนำมาสู่การเกิด Government Shutdown และเป็นปัจจัยลบต่อทิศทางตลาดได้ อย่างไรก็ตาม เรามองประเด็นดังกล่าวคาดจะส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้างในช่วงสั้นเท่านั้น จากการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราคาดว่าในท้ายที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายคาดจะสามารถตกลงร่วมกันได้ และจะทำให้ตลาดผ่อนคลายความกังวลดังกล่าวในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มิ.ย. เมื่อคืนนี้อ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 70.87 ดอลลาร์/บาร์เรล -1.69 ดอลลาร์ หรือ -2.33% ได้รับความกังวลจากแนวโน้มการเกิดเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ หากรัฐบาลสหรัฐไม่สามารถออกกฎหมายเพดานหนี้ได้เช่นกัน อีกทั้งรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เมื่อคืนนี้ออกมาอยู่ที่ระดับ 2.64 แสนราย มากกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มอ่อนแอลงแล้ว คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้

สําหรับปัจจัยภายในประเทศ คาดตลาดจะให้ความสนใจกับผลการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 14 พ.ค. นี้เป็นสำคัญ จากการศึกษาข้อมูลในอดีตย้อนหลังการเลือกตั้ง 5 ครั้งล่าสุดที่ผ่านมาตั้งแต่ปี’ 44 พบว่า ตลาดหุ้นไทยมักจะให้ผลตอบแทนในทิศทางที่เป็นบวก 4 ใน 5 ครั้งล่าสุดหลังการเลือกตั้ง 1 เดือน ที่ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนที่ 3.8% อีกทั้งเราคาดว่าหากรัฐบาลใหม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วและเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก คาดจะเป็นปัจจัยหลักหนุนตลาด Rally ขึ้นได้ดีหลังการเลือกตั้ง เรายังชอบหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB) จากผลประกอบการ 1Q66 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด พร้อมทั้ง 2Q‘66 มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ 2). หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO และ BJC) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ 3). หุ้นในกลุ่มสถานประกอบการน้ำมัน (OR และ PTG) เรามองแนวโน้มค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ขณะที่แรงกดดันค่าการตลาดน้ำมันดีเซลผ่อนคลายลงจากช่วงคุมราคาน้ำมันขายปลีกดีเชลไม่เกิน 35 บาทหมดไป รวมทั้งคาดได้รับแรงหนุนจากการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น จากการท่องเที่ยวคาดจะหนุนทิศทางกำไรในช่วง 2Q66 ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่ MSCI รายงานหุ้นเข้า- ออกดัชนีมีผลที่ราคาปิดของวันที่ 31 พ.ค. นี้ โดย MAKRO เข้าคำนวณใน MSCI Global Standard (JMT และ TU ตกชั้น) และ JMT, TU, SAPPE, SISB และ TIDLOR เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap อย่างไรก็ดีเรามองหุ้นที่ถูกเข้าใหม่หลายตัวราคาปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว แนะนำรอซื้อเมื่อย่อตัว

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “PTG”

  • ผลประกอบการ 1Q’66 ฟื้นตัวขึ้นโดดเด่น แนวโน้มค่าการตลาดในช่วง 2Q’66 ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง
  • ทางเทคนิค ยก Low ก่อน ประชิดแนวต้านท่ี Downtrend Line ลุ้น Break ผ่านในระยะถัดไป
  • กลยุทธ์ ทยอยชื้อสะสม แนวรับ 14.00 / 13.80 Target 15.00 / 16.40 Stop <13.70

- Advertisement -