บล.บัวหลวง:
GFPT (GFPT TB/GFPT.BK)
GFPT – กำไรหลักต่ำกว่าคาด; คาดกำไรไตรมาส 2/66 อ่อนตัวลง YoY
กําไรสุทธิมากกว่าคาด แต่กําไรหลักต่ำกว่าคาด
GFPT รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 298 ล้านบาท ลดลง 35% YoY และ 33% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ 2 รายการในไตรมาส 1/66 ได้แก่ กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 60 ล้านบาท และกําไรจากการป้องกันความเสี่ยงอนุพันธ์ 1 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 237 ล้านบาท ลดลง 41% YoY และ 43% QoQ กําไรสุทธิมากกว่าคาด 6% เนื่องจากกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มากกว่าคาด แต่กําไรหลักต่ำากว่าเราคาด 12% เนื่องจากอัตรากําไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด และผลประกอบการของจีเอฟเอ็นที่พลิกกลับไปเป็นขาดทุนสุทธิ ยอดขายสูงกว่าที่เราคาด 5% ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 10.4% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้าของเราที่ 11.4% (และเทียบกับ 14.2% ในไตรมาส 1/65 และ 13.7% ในไตรมาส 4/65) กำไรหลังหักภาษีต่ำกว่าคาด 16% กําไรจากแม็คคีย์สูงกว่าที่เราคาด 19% ในขณะที่ผลประกอบการของจีเอฟเอ็นออกมาเป็นขาดทุนสุทธิ 23 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการของเราก่อนหน้าที่คาดเป็นกําไรสุทธิ 40 ล้านบาท
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กำไรหลักที่ปรับตัวลดลงแรง YoY เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง (จากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น วอลุ่มส่งออกและวอลุ่มการขายในประเทศที่ลดลง และราคาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไก่ในประเทศที่ปรับตัวลดลง) และการพลิกกลับของจีเอฟเอ็นไปเป็นขาดทุนสุทธิ (เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไก่ในประเทศที่ปรับตัวลดลง) ซึ่งกลบยอดขายที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง วอลุ่มส่งออกของ GFPT อยู่ที่ 6.9 พันตันในไตรมาส 1/66 ลดลง 10% YoY และ 20% QoQ ในขณะที่ราคาไก่ส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ 4,740 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ในไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้น 7% YoY แต่ลดลง 2% QoQ เรามองว่าราคาส่งออกที่ลดลง QoQ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาส่งออกไปยังยุโรป มาจากการที่ลูกค้าต่อรองขอลดราคาลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ราคาโครงไก่ในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 19.5 บาท/กก. ในไตรมาส 1/66 ทรงตัว YoY แต่ลดลง 9% QoQ ในขณะที่ราคาไก่มีชีวิตเฉลี่ยในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 40.8 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 9% QoQ และในไตรมาส 1/66 วอลุ่มไก่ส่งออกของ GFPT ไปยังญี่ปุ่นอยู่ที่ 2.4 พันตัน ลดลง 39% YoY ในขณะที่วอลุ่มไก่ส่งออกไปยังยุโรปอยู่ที่ 2.7 พันต้น ทรงตัว YoY แม็คคีย์รายงานกำไรในไตรมาส 1/66 ที่ 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% YoY ในขณะที่จีเอฟเอ็นรายงานขาดทุน 23 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 เทียบกับกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท ในไตรมาส 1/65 เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไก่ในประเทศที่ปรับตัวลดลง
แนวโน้ม
เราคาดกำไรหลักไตรมาส 2/66 ที่ 320 ล้านบาท ลดลง 34% YoY (เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงยืนในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และราคาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไก่ในประเทศที่ปรับตัวลดลง) แต่เพิ่มขึ้น 35% QoQ (เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นสำหรับการส่งออก) เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 12-13% ในไตรมาส 2/66 เทียบกับ 16.2% ในไตรมาส 2/65 และ 10.4% ในไตรมาส 1/66 เราคาดวอลุ่มส่งออกของ GFPT ที่ 8 พันต้นในไตรมาส 2/66 เพิ่มขึ้น 7% YoY และ 16% QoQ ปัจจัยความท้าทายหลักได้แก่ ลูกค้ายุโรปที่กำลังเจรจาขอต่อรองลดราคาส่งออกเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ราคาโครงไก่ในประเทศได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 13-14 บาท/กก. ในเดือนเม.ย. ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ ที่ 16-17 บาท/กก. ในเดือนพ.ค. เนื่องจากอุปทานขาดตลาดจากจำนวนวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหนุนการบริโภคเนื้อสัตว์ให้เพิ่มขึ้น เรามองว่าเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น ถึงแม้ว่าราคาวัตถุดิบจะเริ่มปรับตัวลดลง 0.3-0.5 บาท/กก. ในช่วงไตรมาส 2/66 แต่ GFPT ยังคงมีสต็อกต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาแพงในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบยังคงยืนในระดับสูง ต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2/66 และเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่เพียงแค่ 10.4% ในไตรมาส 1/66 เรามองว่ามีแนวโน้มสูงที่บริษัทจะไม่สามารถทำได้ตามเป้าของอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับทั้งปี 2566 ที่ 14-15% ได้ เราใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเพียงแค่ 12.6% สำหรับในปี 2566
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
คําแนะนํา
ถึงแม้ว่าเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น GFPT เนื่องจากมูลค่าหุ้น ณ ปัจจุบันที่ถูกมาก แต่เรามองว่าไม่จำเป็นต้องรีบเข้าลงทุนในหุ้น GFPT ณ ตอนนี้ เพราะเรายังคงคาดว่าผลประกอบการจะยังคงมีแนวโน้มลดลง YoY ตั้งแต่ไตรมาส 1/66 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/66