KS Daily View 15.05.2023 >>> คาดหุ้นไทยปรับขึ้น หนุนจากกระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศ SET คาดปรับขึ้นในกรอบ 1,520-1,585 จุด หุ้นแนะนำ TOA, AEONTS
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี-0.03%, S&P 500 -0.16%, และ NASDAQ +0.18% โดย Sector ที่outperform ใน S&P500 ได้แก่ Utilities (+0.4%), Consumer Staples (+0.36%), Materials (+0.2%) ส่วน Sector ที่ underperform ได้แก่ Consumer Discretionary (-0.9%), Financials (-0.4%), IT (-0.2%) เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index -6.05pts. หรือ -0.39% เป็น 1,561.35 หนุนโดย AAV (+4.4%), ESSO (+4.1%), JMT (+3.6%), PLANB (+2.9%) ขณะที่ตัวที่ปรับตัวแย่กว่าตลาดได้แก่ JAS (-30%), EPG (-4.7%), LH (-4.3%), KEX (-3.5%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ
คาดตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นในกรอบ 1520-1585 จุด จากรัฐบาลที่เข้มแข็งและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ/การปฎิรูปโครงสร้างซึ่งจะกระตุ้นกระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศ โดยตอนนี้เหลือแค่ 2 สถานการณ์ในมุมมองของเราคือ พรรคฝ่ายค้านจัดตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคก้าวไกล หรือเป็นรัฐบาลผสมเพื่อปิดสวิตช์วุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หากการตั้งรัฐบาลเป็นไปโดยราบรื่น ไม่เกิดเหตุประท้วงลงถนนจนกระทบกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และรัฐบาลสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน มองตลาดมีโอกาสปรับขึ้นทะลุ 1,600 จุดไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,630 จุด เรามีมุมมองเชิงบวกเนื่องจากคาดจะได้รัฐบาลเข้มแข็ง มีอำนาจในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและฏิรูปโครงสร้างเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การเปลี่ยนขั้วรัฐบาลไปเป็นรัฐบาลแบบประชาธิปไตยคาดจะกระตุ้นกระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิที่ 7.0 หมื่นลบ. YTD ซึ่งส่งผลให้ SET Index ลดลง 6% YTD เราคาดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนและคาดจะช่วยหนุนให้ SET Index ไม่ได้เป็นตลาดที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในตลาดเอเชียในปีนี้ และพลิกกลับเป็นตลาดที่ทำผลงานได้ดีจากความคาดหวังเรื่องการเติบโต/การฎิรูป เราคาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จะเกิดขึ้นในเดือนส.ค. และจะมีการประกาศงบประมาณปี 2567 ภายใน 3 เดือนหลังจากกรอบระยะเวลาปกติคือระหว่างเดือนก.ย.-ต.ค. คาดกลุ่มการเงิน อสังหาฯ ธนาคาร พาณิชย์ สื่อ F&B ก่อสร้างและนิคมฯ จะทำผลงานดี เฝ้าระวังกลุ่ม ปตท. โรงไฟฟ้า ICT และ BTS จากการปฎิรูปนโยบาย/กฎหมาย
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) ติดตามการประชุม G7 ในสัปดาห์หน้า โดยทาง Ft มีการรายงานข่าวว่ากลุ่ม G7 และสหภาพยุโรปจะแบนการนำเข้าก๊าซของรัสเซีย เพื่อป้องกันไม่ให้รัสเซียกลับมาส่งออกก๊าซผ่านท่อในเส้นทางไปยังประเทศต่างๆ เช่น โปแลนด์และเยอรมนี ซึ่งทางรัสเซียได้ตัดการส่งก๊าซไปเมื่อปีที่แล้วและจุดชนวนให้เกิดวิกฤตพลังงานทั่วยุโรป และเพื่อเป็นการประกันว่ารัสเซียจะไม่ได้รับรายได้จากพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ทั้งนี้ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรป (Dutch TTF gas price June contract) ทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ 32 ยูโร ต่อ MWh โดยยุโรปมีปริมาณก๊าซสำรองล่าสุดที่ 55% ของกำลังการเก็บในเดือน มี.ค. สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ต่ำกว่า 30% มองเป็นบวกกับ SHR, MINT แต่เป็นลบกับ BANPU และกลุ่มโรงกลั่น
2.) ติดตามการรายงานตัวเลข GDP 1Q23 ของไทยคาด +1.9% QoQ และ +2.4% YoY นอกจากนี้คาดว่าโมเมนตัมใน2Q23 จะดีขึ้นต่อเนื่องจากเม็ดเงินที่สะพัดช่วงเลือกตั้ง การเร่งตัวของนักท่องเที่ยว ค่าไฟที่ลดลง รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจะหนุนการบริโภคฟื้นตัวต่อ มองเป็นบวกกับกลุ่ม Domestic plays ได้แก่ Finance, Commerce, Bank, F&B, Media เป็นต้น
3.) ในส่วนของผลประกอบการ 1Q23 ของบริษัทจดทะเบียนของไทย (ที่ทาง KS รวบรวมได้ 87 บริษัท) อยู่ที่ 1.48 แสนลบ. (+114% QoQ แต่ -13% YoY) ดีกว่าเราคาด 1% และดีกว่า Consensus คาด 12% ซึ่งงบกลุ่ม Domestic play โดยรวมออกมาดีกว่าคาด
4.) ผลประกอบการ 1Q23 ดีกว่าคาด (PRM, AOT, CENTEL, COM7, DDD), ตามคาด (BTG, TVO, MICRO, AURA, BEAUTY, VRANDA, ACE, RATCH, JMT), แย่กว่าคาด (MOSHI, SINGER, SGC, AAV, IIG, RCL, EA, SVI, BAM, CBG)
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
เน้นหุ้น Domestic play ที่ผลประกอบการไตรมาส 1Q23 แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตหลังการเลือกตั้งจากนโยบายกระตุ้นของภาครัฐ และความเชื่อมั่นภาคเอกชนฟื้นตัว ได้แก่
TOA (ราคาพื้นฐาน 38 บาท) ประกาศกำไรหลักที่แข็งแกร่งที่ 651 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.6% YoY และ 63% QoQ ผลลัพธ์ออกมาดีกว่าประมาณการของเรา 30% จาก GPM ที่แข็งแกร่งขึ้น คาดว่ากำไร 2Q23 จะลดลงเล็กน้อย QoQ ตามฤดูกาล แต่ GPM น่าจะอยู่ที่ระดับ 32-33% จากราคาน้ำมันที่ลดลงและอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งแกร่งขึ้น คาดTOA น่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและต้นทุนที่ลดลง
CPALL (ราคาพื้นฐาน 73.50 บาท) กำไรปกติไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 4.0 พันลบ. (+16% YoY และ +28% QoQ) สูงกว่าประมาณการของเราและตลาด 9% และ 4% ตามลำดับ SSSG ไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้น 8% จากจำนวนลูกค้าเข้าร้านที่เพิ่มขึ้น GPM ของ CVS ไตรมาส 2/2566 เพิ่มขึ้น 80bps YoY SG&A ต่อรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY คาดความต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและเครื่องดื่มจะกระตุ้นยอดขายและ SSSG ไตรมาส 2/2566
SAK (ราคาพื้นฐาน 7.70 บาท) กำไร 1Q66 อยู่ที่ 175 ลบ. (-16% YoY และ +6% QoQ) สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด กำไร 1Q66 คิดเป็น 19% ของประมาณการปี 2566 ของเรา จากการเร่งเปิดสาขา และเป็นฤดูกาลที่ลูกหนี้ชำระหนี้จำนวนมากตามปกติ โดยคาดจะเห็นกำไรเร่งตัวขึ้นในไตรมาสถัดๆไป จาก Cost to income ที่ลดลงและการเติบโตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
SIRI (ราคาพื้นฐาน 2.10 บาท) คาด SIRI จะรายงานกำไรไตรมาส 1/66 ที่ 1.5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 399% YoY ลดลง16% QoQ กำไรไตรมาส 1/66 จะคิดเป็น 31% ของประมาณการปี 2566 ของเรา การโอนกรรมสิทธิ์และอัตรากำไรที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไร YoY แต่ลดลง QoQ ขณะที่กำไรพิเศษจะเพิ่มความตื่นเต้นให้กับการเติบโตเชิง YoY เราคาดว่าอัตราตอบแทนเงินปันผล (DY) จะสูงกว่า 8% จากการดำเนินการในปี 2566
CK (ราคาพื้นฐาน 33.55 บาท) มองได้ sentiment บวกจากการประมูลงานรัฐกลับมาหลังเลือกตั้ง รวมถึงการอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ค้างท่อมาจากรัฐบาลก่อนหน้า ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายไม่แพง มีส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์ถือครองอยู่ที่ 41%
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- TOA (ราคาพื้นฐาน 38 บาท) ประกาศกำไรหลักที่แข็งแกร่งที่ 651 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.6% YoY และ 63% QoQ ผลลัพธ์ออกมาดีกว่าประมาณการของเรา 30% จาก GPM ที่แข็งแกร่งขึ้น คาดว่ากำไร 2Q23 จะลดลงเล็กน้อย QoQ ตามฤดูกาล แต่ GPM น่าจะอยู่ที่ระดับ 32-33% จากราคาน้ำมันที่ลดลงและอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งแกร่งขึ้น คาดTOA น่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและต้นทุนที่ลดลง
- AEONTS (ราคาพื้นฐาน 16.44 บาท) BA รายงานกำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 831 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุน 152 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 และ 1.1 พันล้านบาทในไตรมาส 1/65 สูงกว่าประมาณการตลาดถึง 78% เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 จากขาดทุนหลัก 1.3 พันล้านบาทในปี 2566 เป็นกำไรหลัก 943 ล้านบาท และเพิ่มกำไรหลักปี 2567 ขึ้น 170% เป็น 1.6 พันล้านบาทและปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ ปรับเป้าขึ้นเป็น 16.44 บาท (จากเดิม 13.64 บาท) ทั้งนอกจากธุรกิจการบินที่พลิกกลับมาเป็นกำไร เรามองว่าราคาหุ้น BDMS ที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง กับการปรับโครงสร้าง BAREIT ที่ดีกว่าเดิม (เป็นจ่ายค่าเช่าคงที่ vs. ก่อนหน้าที่จ่ายค่าเช่าผันแปรสูงถึงปีละ 1.5 พันล้านบาทต่อปี)
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ:
- วันจันทร์ ติดตาม ตัวเลข GDP 1Q23 ของไทยคาด +1.9% QoQ และ +2.4% YoY ถ้อยแถลงของ Fed Kashkari, Fed Bostic, และ Fed Barkin
- วันอังคาร ติดตาม ตัวเลข Industrial Production ของจีน เดือน เม.ย. คาด +10.1% YoY (เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่+3.9% YoY) การลงทุนใน Fixed asset ของจีนใน 4M23 คาด +5.2% YoY ตัวเลข Retail sales ของจีนเดือน เม.ย. คาด +20.1% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +10.6% YoY) ตัวเลข GDP 1Q23 ของยูโรโซนคาด +0.1% QoQ และ+1.3% YoY ตัวเลข Zew Economic sentiment ของเยอรมัน เดือน พ.ค. คาด -5.5 จุด (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 4.1 จุด) ถ้อยแถลงของ Fed Mester, Fed Williams, Fed Logan และ Fed Barr, ตัวเลข Retail sales ของสหรัฐฯ เดือนเม.ย. คาด +0.7% MoM (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -0.6% MoM) ตัวเลข Industrial production ของสหรัฐฯ เดือนเม.ย. คาด flat MoM
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลข GDP 1Q23 ของญี่ปุ่น คาด +0.1% QoQ และ +0.7% YoY ดัชนี House Price index ของจีนเดือน เม.ย. คาด -0.2% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -0.8% YoY) ตัวเลข Building Permits ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด 1.43M (+0.2% MoM) ตัวเลข Housing Stars ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด 1.4M (-1.5% MoM) และปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นเดือน เม.ย. คาด +3% YoY ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +254K (เทียบสัปดาห์ก่อนที่ +264K) ตัวเลข Existing Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด4.4M (-1% MoM) ถ้อยแถลงของ Fed Jefferson
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข CPI ของญี่ปุ่นเดือน เม.ย. คาด +0.1% MoM และ +3.2% YoY ตัวเลข Core CPI ของญี่ปุ่นเดือน เม.ย. คาด +3.2% YoY ตัวเลข PPI ของเยอรมันเดือน เม.ย. คาด +6.1% YoY และถ้อยแถลงของ Fed Chair Powell