ศก.ดี จับจ่ายดี ท่องเที่ยวดี / 1,535-1,555
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET มีโอกาสรีบาวด์: ตลาดได้แรงหนุนจากภาพการฟื้นตัวของศก.ไทย หลังสภาพัฒน์ฯเผย GDP1Q66 ขยายตัว 2.7% y-y สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.3% y-y และเร่งตัวจาก 1.4%y-y ใน 4Q65 โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว 5.4% y-y และปริมาณการส่งออกบริการที่ขยายตัว 87.8% y-y เป็นการตอกย้ำว่าการบริโภคและการท่องเที่ยวของไทยกำลังอยู่บนเส้นทางของการฟื้นตัว คาดเป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นกลุ่มในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยยังได้แรงหนุนจาก 1) สภาพัฒน์ฯ ปรับประมาณการการบริโภคภาคเอกชนปี 66 ขึ้นเป็น3.7% จากเดิม 3.2% เป็นการสะท้อนภาพการฟื้นตัวของการบริโภคที่แกร่งกว่าคาด และ 2) กกต. ไฟเขียวรัฐบาลรักษาการใช้งบกลางช่วยค่าไฟแพง เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ขณะที่การรายงานตัวเลขศก.ของจีนในวันนี้ คาดฉายภาพการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมจีนและจะเป็น Sentiment ทางบวกต่อตลาด รวมถึงหุ้นที่มีความเกี่ยวเนื่องกับจีน อย่างไรก็ดี การรีบาวน์ในวันนี้คาดถูกจำกัดจากหุ้น Big Cap ที่อาจยังมีแรงขาย แม้ไม่รุนแรงเท่าวานนี้ ท่ามกลางความกังวลนโยบายของรัฐบาลใหม่ จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งความกังวลในการจัดตั้งรัฐบาลเองก็เป็นแรงกดดันต่อตลาดในภาพรวมเช่นกัน นอกจากนี้ตลาดยังมีปัจจัย Overhang จากภายนอก อย่างปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเจรจาต่อรองการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในคืนนี้ โดยทางฝ่ายคาดยังไม่ได้ข้อสรุปหลังเควิน เพคคาร์ธีกล่าวว่า ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังคงมีจุดยืนที่แตกต่างกัน และทั้งสองฝ่ายยังคงห่างไกลจากการบรรลุข้อตกลง
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว+ศก.ไทยฟื้น: AAV, AOT, AWC, BBL, CENTEL, CPN, KBANK, MINT, SABINA, SCB, SNNP, TU 2) Defensive: BDMS, BH, EKH และ 3) หุ้นพื้นฐานดีน่าสะสม: ADVANC, MAKRO, SC, SIRI
ปัจจัยบวก
- กกต.มีมติเห็นชอบให้ก.พลังงานใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ค. 66 งบกลางรายการเงินสำรอง จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น ในลักษณะการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติเดือน พ.ค.-ส.ค. วงเงินทั้งสิ้น 10,464 ลบ. ตามที่ครม.เสนอ
- ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินจำนวน 2.5 หมื่นล้าน หยวนเข้าสู่ระบบธนาคาร โดยดำเนินการผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ที่อัตราดอกเบี้ย 2.75% และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ย MLF ติดต่อกันเดือนที่ 9
- จีนจะรายงานตัวเลขศก.ในภาคอุตสาหกรรมในวันนี้ นำโดย 1) การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ตลาดคาด ขยายตัว 10.9% y-y เร่งตัวจาก 3.9% y-y ในเดือนมี.ค. และ 2) การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนเม.ย. ตลาดคาดขยายตัว 5.7% y-y เร่งตัวจาก 5.1% y-y ในเดือนมี.ค.
ปัจจัยลบ
- เฟดนิวยอร์กเผยดัชนีภาคการผลิตดัชนีภาคการผลิตดิ่งลงสู่ระดับ -31.8 ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ -3.70 และพลิกจากระดับ +10.8 ในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ซบเซา ส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่ดิ่งลง
- ป.ธ.เฟดแอตแลนตาคาดเฟดจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยปีนี้ จากเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดไว้
- ECB เผยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของ ECB ทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงเพียงเล็กน้อยเมื่อปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากในปี 67 ซึ่งตอกย้ำว่า นโยบายนั้นส่งผลกระทบอย่างเชื่องช้า
- ยูโรโซนเผยการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. -4.1% m-m หดตัวรุนแรงกว่าตลาดคาดที่ -2.5% m-m และพลิกจากที่ +1.5% m-m ในเดือนก.พ.
PICKS OF THE DAY
BDMS BUY
- เป้าหมาย 30.75 / 31.50 แนวรับ 28.50 / 29.00
- กำไร 1Q66 โต q-q รับเปิดประเทศ: BDMS รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 เพิ่มขึ้น 11.5% q-q แตะ 3,470 ลบ. รับแรงหนุนบวกที่มีอย่างต่อเนื่องตามการเปิดประเทศที่ได้ส่งผลดีต่อผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารักษา และได้ถูกสะท้อนผ่านสัดส่วนรายได้ค่ารักษาพยาบาลจากผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มเป็น 29% จาก 27% ใน 4Q65 และค่าใช้จ่ายบริหารลดลง 6.1% q-q ซึ่งเมื่อเทียบรายได้พบว่าสัดส่วนลดเหลือ 19.3% จาก 21.0% ใน 4Q65
- 2Q66 ลุ้นโต y-y: แนวโน้ม 2Q66 คาดผลดำเนินงานชะลอ q-q ตามฤดูกาล (เทศกาลรอมฎอน) แต่มีลุ้น y-y โตจากความซับซ้อนของโรคที่หนุนการมารักษาของผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติ ดีทั้งในแง่รายได้และมาร์จิ้นค่ารักษาพยาบาล
AOT BUY
- เป้าหมาย 75.00 / 76.25 แนวรับ 71.75 / 72.50
- 2Q66 กำไรออกมาดีกว่าตลาดคาด: 2Q66 กำไร 1.86 พัน ลบ. ดีกว่าตลาดและทางฝ่ายคาดที่ 1.5-1.7 พัน ลบ. จาก นทท. ใน 1Q66 อยู่ที่ 6.47 ล้านคน รวมถึงคนไทยท่องเที่ย 78 ล้านครั้ง ทำให้ผู้ใช้สนามบิน AOT +196% และเที่ยวบิน +80% y-y
- นทท. จีนจะเริ่งตัวมากขึ้น: 1Q66 นทท. จีนเดินมาไทยที่ 0.52 ล้านคน ซึ่ง เม.ย. เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 0.33 ล้านคน คาด นทท. จีนจะเร่งตัวมากขึ้นในช่วงที่เหลือ จากสายการบินในประเทศกลับไปบินที่จีนมากขึ้น เมื่อรวมกับประเทศอื่น คาดจะเห็นผู้โดย สาร 2H66 ดีกว่าใน 1H66 แม้จะเป็น low season อีกทั้งหมดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเมื่อ 31 มี.ค. รายได้จะกลับมาสู่ภาวะปกติมากขึ้น