- ประเมิน SET Index คาด Rebound หลังปรับตัวลงแรงวานก่อน มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1,50/1,559
- วันนี้เคาะ BEC ปีนี้คาดฟื้นตัวจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาที่กลับมาหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งและการทยอยส่งมอบลิขสิทธิ์ละครในต่างประเทศ
MARKET STRATEGY
สรุปตลาดวานนี้
- SETI ปิดที่ 1,541.38 จุด ลดลง 19.97 จุด (-1.28%) มูลค่าการซื้อขาย 68,382.81 ล้านบาท มองว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงรับแรงเทขายหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า กังวลนโยบายพรรคก้าวไกลมุ่งลดค่าไฟ รวมทั้งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และหุ้นที่ผลประกอบการออกมาแย่เจอแรงขายออกมา
Research Highlight: คาด Rebound หลังปรับตัวลงแรงวานก่อน
- หุ้นปรับตัวลงแรงรับผลการเลือกตั้ง
- วานนี้ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรง จากแรงขายหุ้น Big Cap นำโดย GULF CPALL ADVANC โดยเฉพาะในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงแรง เนื่องจากนโยบายพรรคก้าวไกลที่ไม่เอื้อต่อกลุ่มทุน
- อย่างไรก็ดี มองว่าเป็นเพียงปัจจัยในระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง และยังคงรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล
- GDP 1Q23 ออกมาโต
- สภาพัฒน์ ได้เปิดเผย GDP 1Q23 ออกมาโต 2.7% โตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 1.4% โดยปัจจัยหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว
- คาดการณ์ปีนี้ GDP ขยายตัว 2.7-3.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวจากจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีอยู่ที่ 28 ล้านคน
- ในเชิงกลยุทธ์เราชอบกลุ่มหุ้นที่อิงในประเทศ เช่นกลุ่มค้าปลีก MAKRO BJC HMPRO CPALL ธนาคาร KBANK KTB KKP ท่องเที่ยว AOT CENTEL SPA
- FED เผยตัวเลขภาคการผลิตออกมาน้อยกว่าคาด
- FED ประกาศดัชนีภาคการผลิตเดือนพฤษภาคมออกมาต่ำกว่าคาดที่ -31.8 จุด ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.75 จุด โดยหากดัชนีต่ำกว่า 0 จุด เป็นการบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิต เป็นผลมาจากอุปสงค์ที่หดตัว สะท้อนเศรษฐกิจที่อ่อนตัวและมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ทั้งนี้ตลาดจับตาการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐในวันนี้ หากเป็นไปด้วยดี จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น
- สัปดาห์นี้ติดตาม
- 16 พ.ค. Retail sales เม.ย. สหรัฐ คาดพลิกกลับมาขยายตัว 0.5%MoM
- 17 พ.ค. CPI เม.ย. EU คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 7.0%YoY
- 18 พ.ค. Existing home sakes เม.ย. สหรัฐ คาดชะลอตัวลงเหลือ 4.35M
- Investment Strategy
- ประเมิน SET Index Rebound กลับขึ้นหลังปรับตัวลงแรงวานก่อน มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1550/1559
Global Markets
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ ซึ่งทําให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้นําสภาคองเกรส
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนประเมินความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ และการเลือกตั้งรอบสองในตุรกี รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งจะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจโลก
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวก โดย ได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัวในแคนาดาและทั่วโลก อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐได้สกัดแรงบวกในตลาด
(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวก โดยได้แรง หนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตา ความคืบหน้าในการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่าง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้นํ้าสภาคองเกรส
หุ้นเคาะไป คุยไป…BEC
- BEC รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 เท่ากับ 3.7 ล้านบาท (-97.5%QoQ, -97.8%YoY) จากรายได้ที่ลดลงทุกธุรกิจ เนื่องจากนาทีขายโฆษณาลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงทั่วโลก และความไม่แน่นอนก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนและการใช้จ่ายภาคเอกชน และภาคครัวเรือน กระทบต่อหลายธุรกิจชะลอการใช้เม็ดเงินโฆษณาในหลายช่องทาง ขณะที่รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ละครไปยังต่างประเทศ ลดลงจากการเลื่อนการส่งมอบไปยังช่วงปลายไตรมาส 1 ต้นไตรมาส 2 ได้แก่ ที่สุดของหัวใจ สะใภ้สายสตรอง และหมอหลวง ด้าน GPM สิ้นงวดอยู่ที่ 19% ลดลง ต่อเนื่องจาก 4Q65 ที่ระดับ 32% เนื่องจากรายได้ที่ลดลงมากกว่าต้นทุนที่ลดลง รวมถึง utilization rate และ avg. ad rate ที่ลดลง ขณะที่ cost to income ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่เหลือ 17%
- มุมมองผู้บริหาร ตั้งใจจะปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยลดการพึ่งพิงรายได้โฆษณาทางโทรทัศน์ลง และเพิ่มรายได้ในส่วนของดิจิทัลแพลตฟอร์ม การจำหน่ายลิขสทธิ์คอนเทนต์ไปต่างประเทศ และธุรกิจใหม่ให้มากขึ้น ส่วนธุรกิจการผลิตละครจะทำผ่าน BEC studio โดยการปรับเนื้อหาให้มีความสากลมากขึ้น เพื่อรองรับการหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้จะมี Analyst meeting ในช่วงบ่ายวันที่ 18 พ.ค. นี้ อาจเห็นการปรับคาดการณ์รายได้ลง จากเป้ารายได้ปี 66 โต 10% หลังผลงาน 1Q66 ออกมาน่าผิดหวัง แต่เราเชื่อว่าจะเป็นงวดที่เป็นจุดต่ำสุดของปี จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาที่กลับมาหลังผ่านพ้นการเลือกตั้ง และการทยอยส่งมอบลิขสิทธิ์ละครในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอินเดียที่ได้เริ่มบุกตลาดและได้รับเสียงตอบรับที่ดี