วันน้ีคาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,535 / 1,530 แนวต้าน 1,545 / 1,550 ติดตามการหารือเก่ียวกับร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหน้ีสหรัฐ รวมทั้งตลาดกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวดอกเบี้ยของ FED
Our View? “ยังไม่ไหว”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,535 / 1,530 และแนวต้านที่บริเวณ 1,545/1,550 เรามองตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้น โดยคาดจะให้น้ำหนักต่อการติดตามการเจรจาเพื่อหาความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะเผชิญความเสี่ยงในการเกิด Government Shutdown และผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย. นี้ คาดจะส่งผลกระทบให้ตลาดทุนโลกผันผวนรุนแรงได้ อีกทั้งตลาดยังกังวลกับความไม่แน่นอนของนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จากการที่คุณราฟาเอล บอสติก ประธาน FED สาขาแอตแลนตาแสดงความคิดเห็นว่า FED จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ จากเงินเฟ้อที่ยังอยู่สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ รวมทั้งคุณจอห์น วิลเลียมส์ ประธาน FED สาขานิวยอร์ก และคุณลอเรตตา เมสเตอร์ ประธาน FED สาขาคลีฟแลนด์มีความเห็นที่สอดคล้องกัน รวมทั้งยังส่งสัญญาณว่า FED สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อหากเงินเฟ้อไม่ปรับตัวลดลง เรามองเป็นสัญญาณเชิงลบลดทอนความหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ลงเร็วในปีนี้ โดยก่อนหน้านี้ตลาดคาดหวังว่า FED อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในกรณีที่เร็วที่สุดในเดือน ก.ย. คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของ Dollar Index ที่ปรับตัวขึ้นล่าสุดอยู่ที่ระดับ 102.6 +/- รวมทั้ง 10 Year US Bond Yield เร่งตัวขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นที่ระดับ 3.53% สะท้อนตลาดอยู่ในภาวะ Risk-off มากขึ้น คาดจะเป็นปัจจัยกดดันจำกัด Upside ของตลาดได้อยู่
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือนเริ่มอ่อนตัวลงอีกครั้งปิดที่ระดับ 70.86 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.25 ดอลลาร์ หรือ -0.35% แม้องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) จะรายงานปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 102 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี’66 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม เรามองความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐคาดยังกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่
สําหรับปัจจัยภายในประเทศ คาดตลาดยังติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องใช้เสียงจากวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ 376 เสียง คาดยังส่งผลให้ตลาดผันผวนได้อยู่บ้าง อย่างไรก็ดี เรายังมองว่า SET Index มีความกังวลที่มากเกินไป เกี่ยวกับความเสี่ยงของหุ้นขนาดใหญ่ที่อาจเผชิญความเสี่ยง จากนโยบายไม่เอื้อกลุ่มทุนผูกขาดของพรรคก้าวไกล หลังสามารถได้คะแนนเสียงสูงสุด และเป็นแกนนําหลักในการจัดตั้งรัฐบาล เราเชื่อว่าการออกนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มทุนผูกขาด อาจจะส่งผลกระทบที่ชัดเจนต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานรัฐ อาทิ โรงไฟฟ้า-พลังงาน โดยเฉพาะสัญญาใหม่ ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่น อาทิ สื่อสาร-ค้าปลีก ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นประชาชนทั่วไป คาดจะได้รับผลกระทบที่จํากัดอย่างไม่มีนัยสำคัญ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง อีกทั้งเมื่อวานนี้ การรายงานตัวเลข GDP 1Q66 ออกมา +2.7% YoY และ +1.9% QoQ มากกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเป็นการฟื้นตัวขึ้นในเกือบทุกเครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทย ยกเว้นภาคอุตสาหกรรมที่ยังหดตัวอยู่ มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทย
โดยเรายังชอบหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิ 1) หุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB) จากผลประกอบการ 1Q66 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด พร้อมทั้ง 2Q’66 มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ 2) หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO และ BJC) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ 3) หุ้นในกลุ่มสถานประกอบการน้ำมัน (OR และ PTG) เรามองแนวโน้มค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ขณะที่แรงกดดันค่าการตลาดน้ำมันดีเซลผ่อนคลายลงจากช่วงคุมราคาน้ำมันขายปลีกดีเชลไม่เกิน 35 บาทหมดไป รวมทั้งคาดได้รับแรงหนุนจากการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว คาดจะหนุนทิศทางกำไรในช่วง 2Q’66 ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “MAKRO
- ทิศทางแนวโนม้ผลประกอบการในช่วง 2H’66 สดใสตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเท่ียวของไทย
- ทางเทคนิคราคาอ่อนตัวลงอยู่ที่บริเวณ EMA200 Week และ Day คาดเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง แนะทยอยซื้อสะสม
- กลยุทธ์ ทยอยชื้อสะสม แนวรับ 38.50 / 37.50 Target 43.50 / 46.00 Stop <37.00