วันที่โลกเริ่มมีหวัง แต่ยังมีความกังวลจากข้างใน / 1515-1535
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET Index รีบาวน์ ก่อนแกว่งตัว Sideways ระหว่างวัน: ตลาดได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ หลังปธน.โจ ไบเดน เผยว่าแกนนำของสภาคองเกรสต่างตกลงกันว่าสหรัฐฯ จะไม่ผิดนัดชำระหนี้ สอดรับกับเควิน แม็คคาร์ธี ปธ.สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในทิศทางที่เป็นไปได้ที่จะมีการบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ในวันอาทิตย์นี้ ช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลลง และเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ความคืบหน้าดังกล่าวยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 2.78% สู่ระดับ $72.83 ต่อบาร์เรล คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีน้ำหนักค่อนข้างมากต่อตลาด นอกจากนี้บรรยากาศการลงทุนยังได้แรงหนุนบวก จากการเปิดเผยยอดเงินฝาก QTD สิ้นสุดวันที่ 12 พ.ค. เพิ่มขึ้นกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ของ ธ.เวสเทิร์น อลิอันซ์ แบงคอร์ป ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ทางขึ้นของตลาดคาดถูกจำกัดด้วยภาพการเมืองภายในประเทศที่ยังเป็น Overhang และกดดันให้เกิดการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ สอดรับกับวานนี้ ที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร 4,439.34 และ 16,849.09 ลบ. ตามลำดับ ซึ่งวันนี้ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าการหารือเรื่อง MOU ของพรรคก้าวไกลกับพรรคแนวร่วม และความเป็นไปได้การจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้งการเปิดเผยเงินเฟ้อของยุโรปเดือน เม.ย. เมื่อวานนี้ แม้ CPI และ Core CPI ขยายตัว 7.0% y-y และ 5.6% y-y ตามลำดับ เท่ากับตลาดคาด แต่เงินเฟ้อที่ยุโรปที่ยังอยู่ในระดับสูงจะยังหนุนให้ ECB ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดต่อไป และ เป็น Sentiment ทางลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ศก.ไทยพื้น: BBL, ICHI, KTB, KTC, M, MTC, OR, OSP, SAPPE, SCC, TCAP 2) ราคาน้ำมันฟื้น: BCP, PTTEP และ 3) หุ้นพื้นฐานดีน่าสะสม: ADVANC, MAKRO, SIRI
ปัจจัยบวก
- UN เผยการเติบโตทางศก.ทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ 2.3% ในปี 66 เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ 1.9% ในเดือนม.ค. โดยคาดการณ์การเติบโตของสหรัฐฯที่ 1.1% เพิ่มขึ้นจาก 0.4% ยุโรปเติบโต 0.9% เพิ่มขึ้นจาก 0.2% และจีน ที่ 5.3% เพิ่มขึ้นจาก 4.8%
- IATA เผย 1Q66 ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งคิดเป็นคนต่อกิโลเมตรของสายการบิน (RPK) ในภูมิภาคเอเชีย เติบโต 125.5% y-y
- เฟดแอตแลนตาเผยแบบจำลอง GDPNow แสดงให้เห็น ว่าศก.สหรัฐฯขยายตัว 2.9% ใน 2Q66 หลังจาก ขยายตัว 1.1% ใน 1Q66
ปัจจัยลบ
- สังคมผู้สูงอายุเริ่มส่งผลกระทบต่อการเงินสาธารณะทั่วโลก ทั้งนี้ Moody’s, S&P และ Fitch เตือนว่าสถานการณ์ด้านประชากรที่ย่ำแย่ลง เริ่มส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลต่างๆ แล้ว หลังธนาคารกลางทั่วโลก ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานขึ้น
- เดอะเทเลกราฟรายงานว่า ลิซ ทรัสส์ อดีตนายกฯ อังกฤษ เตรียมออกมาเตือนว่า สงครามเย็นกับจีนได้เริ่มต้นขึ้น แล้ว และชาติตะวันตกจำเป็นต้องเลือกระหว่างการเอาใจจีน หรือดำเนินการเพื่อป้องกันสงคราม
PICKS OF THE DAY
ADVANC BUY
- เป้าหมาย 220.00 / 225.00 แนวรับ 210.00 / 213.00
- หุ้นพื้นฐานดี คาดโต y-y ทุกไตรมาส: ทางฝ่ายคาดสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว จะช่วยหนุนให้ทั้งธุรกิจโทรคมนาคมไร้สาย และ Fixed Broadband เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยคาดกำไรเติบโตแบบ y-y ทุกไตรมาสของปีนี้ และหากดีลเข้าซื้อ JASIF และ TTTBB เสร็จสิ้น จะช่วยทำให้รายได้รวมก้าวกระโดด
- การเมืองไม่แน่นอน กดราคาเข้าสู่จุดที่น่าซื้อ: ความกังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เป็น Sentiment เชิงลบที่เข้ามากดดันหุ้นกลุ่ม Big Cap ให้ปรับตัวลง แต่ ADVANC มีค่า BETA ที่ 0.65 จึงย่อตัวจำกัด อีกทั้งพื้นฐานยังแข็งแกร่ง มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ ด้วยราคาพื้นฐานที่ 237 บาทต่อหุ้น
SCC BUY
- เป้าหมาย 345.00 / 350.00 แนวรับ 330.00 / 335.00
- แนวโน้ม 2Q66 ฟื้นต่อ q-q: ทางฝ่ายคาดกำไรของ SCC ใน 2Q66 ยังคงฟื้นตัว q-q เนื่องจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่อ่อนตัวลงตามค่า Ft และต้นทุนถ่านหินที่อ่อนตัวลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อ margin ของธุรกิจซีเมนต์ ประกอบกับส่วนต่างราคา HDPE ในเชิง QTD ฟื้นตัวราว 13%
- คาด Downside ราคาจำกัด: ทางฝ่ายคาดว่า Downside ของ SCC ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นซื้อ-ขายอยู่เพียง -1.4 SD ของค่าเฉลี่ย PBV 5 ปี