บล.ทรีนีตี้ 

คอมเซเว่น – COM7 / ราคาปิด 27.50 บาท / ราคาเป้าหมาย 39.00 บาท 

คําแนะนํา ชื้อ

อัพเดทการประชุมนักวิเคราะห์  

Highlight

  • ยาดขาย Q1 ยังโตได้ YoY โดยสินค้าประเภทมือถือ, tablet, accessories, และอื่นๆ โต 17%, 23%, 30%, และ 41% YoY ส่วนสินค้า IT ยอดขายลดลง 15% YoY แต่เนื่องจากสินค้า IT คิดเป็นสัดส่วนต่อยอดขายเพียง 10% กำไรสุทธิจึงได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย
  • รายได้ที่โตไม่ได้มาจากราคาของสินค้าของ Apple ที่แพงขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่มาจากจำนวน units ที่ขายเพิ่มขึ้นด้วย โดยในไตรมาส 1 ยอดขายโต 15% YoY และ units โต 9% YoY
  • ผู้บริหารได้มีการทำ campaign ต่างๆ เพื่อลดราคาสินค้าราคาแพงเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยอัตรากำไรขั้นต้นของ iPhone จะลดลง 0.5% และ iPad ลดลง 1% แต่ได้มีการขายสินค้า accessories ต่างๆ พ่วงไปด้วย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมยังดีอยู่
  • ในไตรมาส 1Q66 มีสาขาเพิ่มขึ้น 120 สาขา โดยเป็นสาขาของ BeBePhone 100 สาขา ซึ่งเน้นขาย accessories ตาม hypermarket ในต่างจังหวัด โดยจับลูกค้ากลุ่ม low to mid income และสินค้า 90% เป็น house brand ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นมากว่า 50% SSSG ในไตรมาส 1Q66 อยู่ที่ 10% ส่วนสาขาในพื้นที่ท่องเที่ยว SSSG อยู่ราว 50%

2566 Outlook

  • ผู้บริหารตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 13.5% โดยจะเน้น product sales mix ที่เป็นสัดส่วนของ accessories มากขึ้น
  • SSSG ในไตรมาส 2 คาดยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากลดค่าไฟในห้างมี lag time จากค่าไฟภาคครัวเรือนราว 1 ไตรมาส
  • รายได้ในไตรมาส 2 คาดอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล โดยในช่วงครึ่งไตรมาสแรก รายได้โดยรวมน้อยกว่าไตรมาส 1 ราว 5-10%
  • บริษัทวางแผนเพิ่มสาขา stand alone จาก 20% เป็น 35 – 40% และอีก 60% จะเป็นการเปิดสาขาตามห้าง โดยบริษัทเพิ่มสัดส่วนสาขา stand alone เนื่องจากมีต้นทุนในการเปิดสาขาที่น้อยกว่าการเปิดสาขาในห้าง  รวมถึงบริษัทสามารถวางขายสินค้าได้มากกวาในห้าง
  • ปี 66 มีแผนขยายสาขาเป็น 1,400 สาขา โดยปัจจุบันมี 1,280 สาขา และมีแผนขยายสาขาเป็น 2,000 สาขาในอีก 3 – 4 ปี ข้างหน้า โดยผู้บริหารมองว่าถ้าสาขาที่เปิดใหม่ สามารถทำกำไรและสามารถรักษา SSSG ที่ 5% ได้ บริษัทก็จะขยายสาขาไปเรื่อยๆ Bebephone คาดทำรายได้ทั้งปีราว 400 – 500 ล้านบาท จากปกติที่ทำได้ 700 ล้านบาท ลดลงเนื่องจากการปรับโครงสร้างและการเริ่มขายในปลายไตรมาส 1
  • การเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำไม่มีผลกระทบต่อบริษัทเนื่องจากบริษัทมีการจ่ายค่าจ้างพนักงานในระดับเฉลี่ยที่ 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว

ความเห็นนักวิเคราะห์

  • เรามีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยบริษัทยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสินค้า IT และบริษัทยังคงหาทางเพิ่มรายได้ผ่านการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้านขายยากับ BDMS หรือการทำ Pet shop และการรักษาผลประกอบการให้สามารถโตได้ YoY ทุกไตรมาส
  • เรายังแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 39 บาท โดยมองว่าราคาปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานมาก ถ้าเทียบกับการเติบโตในระยะยาวที่ระดับ 10 – 20% ต่อปี
- Advertisement -