KS Daily View 22.05.2023 >>> คาดกรอบ SET 1,490-1,535 จุด บนความกังวล ตั้งรัฐบาล/ นโยบายที่ไม่เป็นมิตรต่อตลาดทุน หุ้นแนะนำวันนี้ AURA, NCAP

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.33%, S&P 500 -0.14%, และ NASDAQ -0.24% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+0.73%), Healthcare (+0.46%), Materials (+0.26%) ส่วน Sector ที่ underperform ได้แก่ Consumer Discretionary (-0.84%), Communication Services (-0.49%), Financial (-0.45%)

ในประเทศ: SET Index -11.80pts. หรือ -0.77% เป็น 1,514.89 หนุนโดย FORTH (+4.2%), TTB (+2.7%), SABUY (+2.6%), KTC (+.3%) ขณะที่ตัวที่ปรับตัวแย่กว่าตลาดได้แก่ OR (-5.9%), EPG (-4.7%), TRUE (-4.5%), BYD (-4.3%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,490-1,535จุด โดยยังเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเรื่องจำนวนเสียงของ ส.ว.ที่จะโหวตให้ฝั่งพรรคก้าวไกล ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มกลับมามีผลต่อทิศทางการลงทุนจากโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอีก 25bps. ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่า บาทอ่อนค่า ส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกทั้งในส่วนตราสารทุน และตราสารหนี้ โดยนักลงทุนต้องจับตา MOU ของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะมีการแถลงในวันจันทร์ รวมถึงรายชื่อคนที่จะมานั่งในกระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้นักลงทุนค่อนข้างกังวลกับนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่เป็นมิตรกับตลาดทุน ได้แก่ การขึ้นค่าแรง การขึ้นภาษีนิติบุคคล ภาษีตลาดหุ้น การลดสิทธิประโยชน์ BOI และไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน เป็นต้น ซึ่งทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น และลดความน่าสนใจในการลงทุน ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มศักยภาพ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ติดตามการเจรจาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเรียกร้องให้พรรครีพับลิกันลดจุดยืนสุดโต่งของพวกเขาเพื่อพยายามผ่อนคลายความตึงเครียดในวิกฤตเพดานหนี้ของสหรัฐฯ

2.) จีนสั่งห้ามผู้ประกอบการในธุรกิจรับเหมาฯไม่ให้ซื้อผลิตภัณฑ์ของ Micron Technology ผู้ผลิตชิปของสหรัฐฯ เนื่องจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของเครือข่ายอย่างร้ายแรง ทั้งนี้จีนคิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 25% ของ Micron Technology ในปี 2022 ทำให้ปัญหา Geopolitical risk ทวีความรุนแรงขึ้น

3.) ติดตามการลงนาม MOU ร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลนำโดยพรรคก้าวไกล โดยจะมีการเปิดเผย MOU ต่อสาธารณชนในวันที่ 22 พฤษภาคม (16.30 น.) โดยสาระสำคัญคือหากนโยบายที่บรรจุใน MOU ไม่สุดโต่งเกินไป หรือเป็นลบกับตลาดทุนมากเกินไปจะช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลไปได้ระดับนึง

4.) นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน คาดจะกระทบต่อการตัดสินใจจ้างงาน การลงทุน รวมถึงเม็ดเงิน FDI โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหลักๆคือกลุ่มที่ใช้แรงงานเยอะ และอิงค่าแรงขั้นต่ำเป็นหลัก เช่น ร้านอาหาร,​ โรงแรม, โรงงานผลิตอาหารแปรรูป, สิ่งทอ, รับเหมาก่อสร้าง, ค้าปลีก เป็นต้น ขณะที่กลุ่มนิคมฯ อาจได้รับผลกระทบจากการชะลอการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติด้วย อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นค่าแรงอาจเป็นบวกกับกลุ่ม Consumer Finance รวมถึงกลุ่มที่รายได้อิงกับการปรับขึ้นค่าแรง เช่น PRTR เป็นต้น

5.) ฐานเศรษฐกิจรายงานข่าวว่ารัฐบาลก้าวไกลอาจล้ม “สายสีส้ม” ให้ประมูลใหม่ เปิดสองขั้วยักษ์เดินรถไฟฟ้า “BTS-BEM” แข่งขันอย่างเป็นธรรม เหตุปมทีโออาร์กีดกันแข่งขัน ส่วนต่าง 6.8 หมื่นล้าน ทำรัฐเสียประโยชน์ กระทบภาษีประชาชน

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

1.) เลือกหุ้น K ขาล่าง ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระจายรายได้ของพรรคก้าวไกล/อัดฉีดเงินลงระบบของเพื่อไทย

1.1) AEONTS (ราคาพื้นฐาน 208 บาท)
1.2) NCAP (ราคาพื้นฐาน 5.10 บาท)
1.3) AURA (ราคาพื้นฐาน 19.34 บาท) TTB (ราคาพื้นฐาน 1.73 บาท)

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

AURA (ราคาพื้นฐาน 19.34 บาท) คาดรายได้และกำไรสุทธิเติบโตเร่งตัวจาก 1) พอร์ตสินเชื่อทองคำที่ใหญ่ขึ้น; 2) ยอดขายทองออกแบบที่สูงขึ้น; และ 3) ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดเม.ย.-ธ.ค.66 รายได้/กำไรสุทธิเติบโต 21.6%/41.1% YoY คำแนะนำด้านการจัดการแสดงถึง upside 0.5%/1.3% จากประมาณการรายได้/กำไรสุทธิของเรา

NCAP (ราคาพื้นฐาน 5.10 บาท) ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2566 เป็น 20% จาก 10-15% หนุนโดยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ HP และสินเชื่อ HP รถบรรทุกมือสองที่มีคุณภาพดีขึ้น ฝ่ายบริหารมองเห็นการแข่งขันในตลาดที่น้อยลงในปี 2566 เนื่องจากผู้เล่นรายเล็กออกจากตลาดหลังจากมีการใช้เพดานอัตราดอกเบี้ยจาก สคบ. ขณะที่ NPL Ratio ของบริษัทคาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 2.0% ณ สิ้นปี 2566 จากทีมควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพสูง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคารติดตาม ตัวเลข US S&P Global service PMI เดือน พ.ค. คาด 52.6 จุด ตัวเลข US S&P Global Manufacturing PMI เดือน พ.ค. คาด 50 จุด ตัวเลข US new home sale เดือน เม.ย. คาดที่ 0.663 ล้านหลัง (-2.5% MoM)
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษ เดือน เม.ย. คาด +8.3% YoY ตัวเลข Germany Ifo business climate เดือน พ.ค. คาด 93 จุด (-0.6% MoM)
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม FOMC minute ตัวเลข GfK Consumer Confidence เดือน มิ.ย.คาดที่ -24 จุด (จากเดือนก่อนหน้าที่ -25.7 จุด) ตัวเลข Us Jobless claim รายสัปดาห์ คาด 250K (จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 242K) ตัวเลข Pending home sale เดือน เม.ย. คาด -19% YoY
  • วันศุกร์ ตัวเลข Retail sale ของอังกฤษ เดือน เม.ย. คาดที่ +0.4% MoM ตัวเลข US Core PCE เดือน เม.ย. คาดที่ +0.3% MoM ตัวเลข US Durable goods order เดือน เม.ย. คาดที่ -1% MoM ตัวเลข US Personal spending เดือน เม.ย. คาดที่ +0.4% MoM และตัวเลข US Personal income เดือน เม.ย. คาดที่ +0.4% MoM
- Advertisement -