บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) -4.1%

Close May 19, 2023 Price (THB) 9.85

12M Target (THB) 9.45

Previous Target (THB) 11.00 

What’s new?

  • ผู้บริหารมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นของปี 2556 จะอยู่ที่ราว 11.5-11.6% ต่ำกว่า 12.2% ในปี 2565 หลังต้นทุนเศษแก้วและ Soda Ash รวมถึงต้นทุนค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น YoY
  • ปรับกำไรปี 2566-67 ลงเป็น 367 ล้านบาท และ 443 ล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2566-67 ลง เพื่อสะท้อนผลกระทบจากต้นทุนที่อยู่ในระดับสูง

Our view

  • ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 9.45 บาท/หุ้น มี Downitide 4.15% คงคําแนะนํา “TRADING”
  • ในระยะสั้นหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากการปรับประมาณการของตลาด หลังอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดประเมินไว้
  • บริษัทฯ มีโอกาสได้ประโยชน์จากนโยบายสุราก้าวหน้า เนื่องจากนโยบายดังกล่าวจะทำให้มีปริมาณการผลิต และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น (รอความชัดเจนหลังการจัดตั้งรัฐบาล และกำหนดนโยบาย)

BG CONTAINER GLASS

กําไรปี 2566 ยังถูกกดดันหลัง GPM ฟื้นตัวช้า

คาดต้นทุนวัตถุดิบปี 2568 ยัยยู่ในระดับสูง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) เราเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ โดยผู้บริหารยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2566 ที่ +10% YoY (รวมรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าลงทุนใน Prime Packaging แล้ว) แม้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 4Q65 แต่ผู้บริหารมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2566 จะอยู่ที่ราว 11.5-11.6% ต่ำกว่าอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ในปี 2565 ที่ 12.2% แม้ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ (สัดส่วนราว 20% ของต้นทุนรวม) มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1) ต้นทุนค่าไฟฟ้า (สัดส่วนราว 10% ของต้นทุนรวม) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น YoY จากแนวโน้มของค่า Ft เฉลี่ยในปี 2566 ที่ ยังสูงขึ้น YoY และ 2) ต้นทุนวัตถุดิบ (สัดส่วนราว 30% ของต้นทุนรวม) เช่น เศษแก้วและ Soda Ash ที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง หลังปริมาณความต้องการใช้ในจีนและอาเซียนที่สูงขึ้นหลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว (ผลจากการผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID ของจีนและสถานการณ์การแพร่ระบาดในอาเซียนที่คลี่คลาย)

ปรับกำไรปี 2566-67 ลงเพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด

เราปรับกำไรปี 2565-2567 ลง 14% และ 9% เป็น 367 ล้านบาท (-5% YoY) และ 443 ล้านบาท (+21% YoY) ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565-2567 ลงเป็น 11.7% (เดิม 13.4%) และ 12.5% (เดิม 13.6%) ตามลำดับ หลังต้นทุนเศษแก้วและ Soda Ash มีแนวโน้มปรับตัวลงช้ากว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้า โดยเราประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ จะเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ ตั้งแต่ 2Q66 หลังได้อานิสงส์จาก 1) ต้นทุนก๊าซธรรมชาติและอัตราค่าไฟฟ้าเริ่มปรับตัวลง (ค่าไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม ในงวด พ.ค. – ส.ค. 2566 ลดลงมาอยู่ในระดับ 4.70 บาท/หน่วย จากเดิม 5.33 บาท/หน่วยในช่วง ม.ค. – เม.ย. 2566) และ 2) ราคาขายบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงช้ากว่าต้นทุน (มีการปรับทุก 3-6 เดือน) และ 3) การเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในบริษัท Prime Packaging ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 13-15% ทั้งนี้คาดอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯจะสามารถกลับไปอยู่ในระดับ 13.0% ได้ภายใน 4Q66

ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 9.45 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “TRADING

ผลจากการปรับประมาณการลงทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ลดลงเป็น 9.45 บาท/หุ้น มี Downside 4.1% ในระยะสั้น-กลาง หุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากการปรับลดประมาณการของตลาด หลังอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้ (ตลาดคาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2566 ที่ระดับ 13.0-15.0%) อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีประเด็นเก็งกำไรจากการได้รับประโยชน์จากนโยบายสุราก้าวหน้า โดยคาดนโยบายดังกล่าวส่งผลให้มีปริมาณการผลิตและการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศมากขึ้น (ปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นจะส่งผลให้มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน) ทั้งนี้คาดประเด็นดังกล่าวจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังการจัดตั้งรัฐบาลและการกำหนดนโยบายในช่วง 2H66 จึงคงคำแนะนำ “TRADING”

- Advertisement -