รอติดตามความคืบหน้า ส.ว. ต่อการโหวตจัดตั้งรัฐบาล
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบ 0.4% นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนจะทราบผลเจรจาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ เบื้องต้นกำหนดตายชำระหนี้ของสหรัฐฯ อยู่ในช่วง 10 วันจากนี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.6% คาดการณ์อุปสงค์สูงขึ้น
Market Outlook
เมื่อวานที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล (แกนนำจัดตั้งรัฐบาล) ได้เปิดเผย MOU ที่ร่วมหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น ได้แก่ การร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพิ่มได้รายให้กับประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม นอกจากนี้ยังเน้นสนับสนุน SME ให้สามารถแข่งขันระดับโลกได้ ขณะเดียวกันยังคงเน้นที่การลดค่าครองชีพประชาชนด้วยการปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า เบื้องต้นมองบริษัทจดทะเบียนที่ได้ผลบวกที่ KBANK จากการมีสินเชื่อของ SME และมองค้าปลีกที่เน้นลูกค้าได้ย่อยและเกษตรกรได้ประโยชน์ อาทิ BJC CPALL DOHOME GLOBAL ส่วนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นวานนี้ อาจเป็นไปได้ที่นักลงทุน Price In ประเด็นลบด้านการเมืองไปพอสมควร สะท้อนผ่าน SET INDEX ปรับตัวลงมากว่า 5.4% (จุดสูงสุดเดิมที่ 1576 และจุดต่ำสุดล่าสุดที่ 1491) อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าผลกระทบต่างๆ ตามนโยบายของก้าวไกลที่เน้นส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม มีความเป็นไปได้ที่จะกระทบกับความสามารถทำกำไรที่ลดลงของบริษัทจดทะเบียน แต่ก็ยังใช้ระยะเวลาจากปัจจุบัน ส่วนหลังจากนี้รอติดตามการจัดตั้งรัฐบาล และความเห็นของ ส.ว. หลังจากร่าง MOU เริ่มปรากฏออกไป หากมีเสียง ส.ว. ต่อการสนับสนุนแกนนำจัดตั้งเพิ่มมากขึ้น นักลงทุนก็จะคลายกังวลต่อประเด็นการจัดตั้งรัฐบาล (ปัจจัยบวกตลาดหุ้น)
ส่วนคืนนี้ติดตามยอดขายบ้านมือหนึ่งของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 6.65 แสนหลังคาเรือนพร้อมกับตัวเลข PMI ของฝั่ง EU ช่วงบ่าย โดยวันนี้ประเมิน SET INDEX ปรับขึ้นในกรอบ 1530 – 1540 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นทยอยสะสม เนื่องจากผลกระทบต่างๆ ยังมีส่งผลเร็วๆ นี้ต่อบริษัทจดทะเบียน แนะกลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT MINT SHR VRANDA) ศูนย์การค้า (CPN) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) สำหรับ Trading แนะกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น
หุ้นแนะนําซื้อวันนี้
MAJOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท) ราคาหุ้นใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตอบสนองประเด็นลบเรื่องการพิจารณาเก็บภาษีโรงภาพยนตร์ ผ่านค่าตั๋วหนัง ที่อัตรา 1% (คนล่ะครึ่งกับเจ้าของหนัง) เพื่อนำเงินดังกล่าวไปสนับสนุนผู้ผลิตหนังไทยรายใหม่ๆ โดยเราประเมินว่าหากนโยบายของพรรคก้าวไกลนี้เกิดขึ้นจริงจะกระทบกำไรของบริษัท 29 ล้านบาทในปี 2024 และ 32 ล้านบาท ในปี 2025 หรือคิดเป็น 3% ของประมาณกำไรสุทธิเรา
KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 160.00 บาท) มองว่ามูลค่าหุ้นที่ 0.6x PBV’23E หรือ -1.25SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปีเป็นระดับที่น่าดึงดูด และสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อจากลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ 1 รายไปแล้ว มองว่ากลยุทธ์ระบายงบดุลจะหนุนให้การตั้งสำรองหนี้ฯ ของ KBANK ยังอยู่ในระดับสูงสำหรับปี 2023