วันนี้คาดตลาด “Rebound”
แนวรับ 1,520 / 1,510 แนวต้าน 1,536 / 1,550 ผ่อนคลาย MOU ไม่มีนโยบายส่งผลต่อกลุ่มทุนผูกขาด และ ม.112 ชัดเจน หนุนตั้งรัฐบาลสำเร็จ ปัจจัยต่างประเทศติดตามการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ต่อ
Our View? “รีบาวด์ระยะสั้น”
คาดตลาดวันนี้ “Rebound” มองแนวรับที่บริเวณ 1,520 / 1,510 และแนวต้านที่บริเวณ 1,536 / 1,550 คาดตลาดจะติดตามผลการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงในการออกกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐระหว่าง ปธน. โจ ไบเดน และคุณเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนฯ สหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดแนวโน้มความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐเร็วสุดในวันที่ 1 มิ.ย. ทั้งนี้เรายังคงคาดว่าในท้ายที่สุดแล้วทั้ง 2 ฝ่ายคาดจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ และตลาดจะผ่อนคลายความกังวลดังกล่าวได้ในระยะถัดไป อย่างไรก็ดี เรามองตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากการที่คุณ เจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาเซนต์หลุยส์ (ไม่มีในการ Vote) หนุน FED ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในปีนี้ โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะไม่ปรับตัวลงจากตลาดแรงงานที่ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ หนุนทิศทาง US Bond Yield ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ลดทอนความน่าสนใจของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่า FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป เช่นเดียวกับคุณเจอโรม พาวเวลประธาน FED เปิดเผยว่าปัญหาของภาคธนาคารสหรัฐเป็นปัจจัยให้ FED จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงมากเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐได้ คาดจะลดความกังวลของตลาดลงได้บ้าง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ค. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวผันผวน ปิดที่ระดับ 72.05 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.36 ดอลลาร์ (+0.50%) ได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดอุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่าอุปทานราว 2 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วง 2H′66 จากอุปสงค์น้ำมันจากจีนราว 60% รวมทั้งอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากการปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC+
สําหรับปัจจัยภายในประเทศ คาดตลาดจะผ่อนคลายความกังวลในการออกนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนผูกขาดบ้าง และการแก้ไข ม.112 หลังจากเมื่อวานนี้พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยพรรคร่วม ฯ แถลง MOU ไม่ได้มีนโยบายดังกล่าวที่ชัดเจน ซึ่งทำให้การออกนโยบายดังกล่าวต้องผลักดันผ่านกลไกรัฐสภา ซึ่งคาดว่าอาจจะไม่ได้ผ่านได้ง่ายมากนัก แต่คาดจะช่วยให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลที่จําเป็นต้องใช้เสียงของ ส.ว. ประกอบให้ครบทั้ง 2 สภาฯ มากกว่า 375 เสียงมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น อีกทั้งเราคาดว่า กกต. อาจจะประกาศผลการเลือกตั้งได้เร็วกว่า 60 วัน อย่างไรก็ตาม คาดตลาดยังมี Upside ที่จํากัดจากการปรับลดคาดการณ์ EPS ของตลาดหุ้นไทยลงหลังประกาศผลประกอบการ 1Q66 จาก Bloomberg Consensus ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 96.0+/- ส่งผลทำให้ความน่าสนใจในเชิง Valuation ของตลาดหุ้นไทยลด โดย Fwd PE ล่าสุดอยู่ที่ระดับราว 16 เท่า สูงสุดในภูมิภาคที่อยู่ระดับราว 12–13 เท่า ทั้งนี้เราแนะนำ “ทยอยซื้อสะสมอ่อนตัว” สําหรับหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่ม ธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB) จากผลประกอบการ 1Q66 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด พร้อมทั้ง 2Q66 มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ 2). หุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC, DOHOME และ GLOBAL) ที่เราคาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวในประเทศจากการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นสําคัญ รวมทั้งยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าไฟที่ปรับลดลง
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “BJC”
- คาดกำไร 2Q’66 ฟื้นตัวต่อเนื่องจาก SSSG ที่คาดจะปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
- ทางเทคนิค ราคาลงมา EMA200 วัน SSTO ให้สัญญาณ Oversold
- กลยุทธ์ ชื้อสะสม แนวรับ 37.00 / 36.50 Target 40.50 / 42.50 Stop <36.00