KS Daily View 23.05.2023 >>> ลุ้นเจรจาขยายเพดานหนี้ SET ฟื้นตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค คาด SET แกว่งตัวทดสอบแนวต้าน 1,490-1,535 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ SAPPE, BA

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ: SET Index +14.35pts. หรือ +0.95% และ 1,529.24 หนุนโดย TRUE (+9.5%), HANA (+6.5%), PTTGC (+4.9%), KEX (+4.5%) ขณะที่ตัวที่ปรับตัวแย่กว่าตลาดได้แก่ CKP (-7.1%), ACE (-4.1%), ONEE (-3.3%), TIDLOR (-2.9%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index -11.80pts. หรือ -0.77% เป็น 1,514.89 หนุนโดย FORTH (+4.2%), TTB (+2.7%), SABUY (+2.6%), KTC (+.3%) ขณะที่ตัวที่ปรับตัวแย่กว่าตลาดได้แก่ OR (-5.9%), EPG (-4.7%), TRUE (-4.5%), BYD (-4.3%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านของกรอบ 1,490-1,535จุด ลุ้นการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ภายในวันที่ 1 มิ.ย. หลังนาย McCarthy ผู้นำของพรรค Republican กล่าวว่ามีความคืบหน้าในการเจรากับทาง ปธน. Biden ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องจำนวนเสียงของ ส.ว.ที่จะโหวตให้ฝั่งพรรคก้าวไกล โดยวันนี้ ส.ว. จะมีการประชุมวิสามัญเพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการ ปปช. และ สตง. โดยกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อเรียกร้องให้ ส.ว. โหวตตามเสียงส่วนใหญ่ นอกจากนี้ทางหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเปิดทางให้ สส.ไปอยู่กับพรรค พท. และเดินหน้าลงนามใน MOU เพื่อร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล โดยต้องจับตารายชื่อคนที่จะมานั่งในกระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้นักลงทุนค่อนข้างกังวลกับนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่เป็นมิตรกับตลาดทุน ได้แก่ การขึ้นค่าแรง การขึ้นภาษีนิติบุคคล ภาษีตลาดหุ้น การลดสิทธิประโยชน์ BOI และไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน เป็นต้น ซึ่งทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น และลดความน่าสนใจในการลงทุน กดดันให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง โดยเป็นการขายสุทธฺในตลาดหุ้นไทย 1,469 ลบ. และตลาดตราสารหนี้ 8,583 ลบ.

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) นักวิเคราะห์ Bloomberg มีการประเมินผลกระทบกรณีการปรับลดงบประมาณในอนาคตเพื่อให้การเจรจาขยายเพดานหนี้ได้ข้อยุติว่า กรณีแย่สุดคือมีการลดงบประมาณตามที่พรรค Republican ร้องขอ จะกระทบกับการจ้างงานลดลง 570,000 ตำแหน่งใน 2H24 จากกรณีที่ไม่ได้รับลดงบประมาณ โดยทางฝั่ง Republican ต้องการให้จำกัดการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายไม่เกิน 1% ของ GDP ตลอดปี 2024-2033 โดยจะลดการขาดดุลได้ราวๆ 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งทางพรรค Democrat ยังเห็นต่าง ทั้งนี้หากสหรัฐฯผิดนัดชำระหนี้ คาดว่าอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ (AAA, Aaa และ AA+ โดย Fitch, Moody’s และ S&P) ก็จะถูกปรับลดลง คาดจะเห็นแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยง (ตราสารทุนและหุ้นกู้) ไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (พันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รวมถึงทองคำ) เนื่องจากการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ นั้นเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น และจะคลายตัวหากสามารถขยายเพดานหนี้ได้ ในส่วนการในการช่วยเหลือจากเฟดกรณีปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ มีจำกัด โดยเฟดอาจถอดหลักทรัพย์ที่ผิดนัดชำระออกจากการหมุนเวียนไปก่อน หรือให้แลกพันธบัตรที่มีปัญหากับรุ่นอื่นๆ นอกจากนี้เฟดอาจอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มผ่านหน้าต่างซื้อคืนผ่านการทำ QE เพิ่ม

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

1.) เลือกหุ้น K ขาล่าง ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระจายรายได้ของพรรคก้าวไกล/อัดฉีดเงินลงระบบของเพื่อไทย ได้แก่

1.1) AEONTS (ราคาพื้นฐาน 208 บาท)
1.2) NCAP (ราคาพื้นฐาน 5.10 บาท)
1.3) AURA (ราคาพื้นฐาน 19.34 บาท)
1.4) TTB (ราคาพื้นฐาน 1.73 บาท) เป็นต้น

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

SAPPE (ราคาพื้นฐาน 88.10 บาท) คาดกำไรสุทธิแตะ 1 พันลบ.ในปี 2566 เติบโต 55% YoY เราคาดว่าประมาณ +29% YoY สำหรับยอดขายในไตรมาส 2/2566, +31% YoY สำหรับยอดขายในไตรมาส 3/2566 และ +5% YoY สำหรับยอดขายในไตรมาส 4/2566 ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ไม่น่าจะคลาดเคลื่อนจากไตรมาส 1/2566 ที่ 17.6% ในไตรมาส 1/2566 มากนัก เนื่องจาก GPM น่าจะขยายตัวจากไตรมาส 1/2566 ที่ 43.2% ตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายอาจเร่งตัวขึ้นจากไตรมาส 1/2566 จากแคมเปญส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้น เราปรับราคาเป้าหมาย SAPPE เป็น 88.1 บาท โดยมี PER ล่วงหน้าที่ 22 เท่า (+2SD เหนือค่าเฉลี่ยในอดีต) จาก 20 เท่า จาก 78 บาท จากการปรับขึ้นเป็น PER band ในอดีต เราตัดสินใจปรับเพิ่มเป้าหมาย PER ล่วงหน้าเนื่องจาก 1) CAGR ของกำไรสุทธิ 3 ปีที่ ที่ 26.3% 2) ROE เข้าใกล้ 30% สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในประเทศ และ 3) ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 25 เท่า

BA (ราคาพื้นฐาน 16.44 บาท) เป็นหุ้น turnaround โดยคาดกำไรปีนี้จะพลิกเป็นบวกที่ 943 ลบ. และโตต่อเป็น 1.6 พันลบ.ในปี 2567 จากค่าโดยสารที่ดีขึ้น และจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตหลังโควิด เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 16.44 บาท อิงวิธี SOTP เราใช้วิธี DCF เพื่อคำนวณมูลค่าธุรกิจสายการบิน สนามบิน และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ BA โดยใช้ WACC ที่ 12.5 และอัตราการเติบโตสุดท้ายที่ 3% เราคำนวนมูลค่าการลงทุนใน BDMS (BDMS TB “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 33.30 บาท) ที่ 9.20 บาท/หุ้น BA ส่วนของ BAFS (BAFS TB “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 33.52 บาท) ที่ 0.71 บาท/หุ้น และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนใน BAREI (BAREIT TB “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 12.10 บาท) ที่ 1.04 บาท/หุ้น BA โดยอิงตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ซึ่งสอดคล้องกับราคาเป้าหมายของเราสำหรับ BDMS BAFS และ BAREIT ที่ 33.30 บาท 33.52 บาท และ 12.10 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ เราใช้ conglomerate discount ที่ 30% ของมูลค่าการลงทุนใน BDMS BAFS และ BAREIT โดยมอง BA มีสิทธิถูก re-rate จากธุรกิจการบินที่ฟื้นตัว

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคารติดตาม ตัวเลข US S&P Global service PMI เดือน พ.ค. คาด 52.6 จุด ตัวเลข US S&P Global Manufacturing PMI เดือน พ.ค. คาด 50 จุด ตัวเลข US new home sale เดือน เม.ย. คาดที่ 0.663 ล้านหลัง (-2.5% MoM)
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษ เดือน เม.ย. คาด +8.3% YoY ตัวเลข Germany Ifo business climate เดือน พ.ค. คาด 93 จุด (-0.6% MoM)
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม FOMC minute ตัวเลข GfK Consumer Confidence เดือน มิ.ย.คาดที่ -24 จุด (จากเดือนก่อนหน้าที่ -25.7 จุด) ตัวเลข Us Jobless claim รายสัปดาห์ คาด 250K (จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 242K) ตัวเลข Pending home sale เดือน เม.ย. คาด -19% YoY
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Retail sale ของอังกฤษ เดือน เม.ย. คาดที่ +0.4% MoM ตัวเลข US Core PCE เดือน เม.ย. คาดที่ +0.3% MoM ตัวเลข US Durable goods order เดือน เม.ย. คาดที่ -1% MoM ตัวเลข US Personal spending เดือน เม.ย. คาดที่ +0.4% MoM และตัวเลข US Personal income เดือน เม.ย. คาดที่ +0.4% MoM
- Advertisement -