Daily Focus: Domestic and Selective Play
2023SET Target: 1700
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวร่วงแรงกว่า 20 จุด ในช่วงเปิดตลาดหลุดต่ำกว่าแนวรับหลัก 1,500 จุดระหว่างวัน ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง พลิกกลับมาบวกได้ถึง 14.35 จุด จุด ณ สิ้นวัน โดยแรงซื้อหลักอยู่ที่สถาบันในประเทศซึ่งซื้อสุทธิ 2.35 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิอีก 1.5 พันลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures 1.9 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up หลังสามารถปิดยืนเหนือแนวรับหลัก 1,500 จุดได้ และเห็นแรงซื้อเข้ามาหนุนหนาแน่นวานนี้ ขณะที่ปัจจัยการเมืองเริ่มเห็นสัญญาณบวกเพิ่มขึ้นหลัง 8 พรรคร่วมเซ็น MOU และมีเนื้อหาที่ทำให้ตลาดคาดว่ามีโอกาสที่จะพูดคุยกับสว.เพื่อให้ได้เสียงโหวตนายกฯ ครบ 376 เสียงได้มากขึ้น ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศโฟกัสยังอยู่ที่การเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ซึ่งมีพัฒนาการมากขึ้น แม้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยยังต้องติดตามว่าจะทันเส้นตายเบื้องต้นวันที่ 1 มิ.ย.เพื่อไม่ให้ผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ ขณะที่การประชุม FED เดือน มิ.ย. ตลาดมองว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้ได้ข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มเติม หากยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวที่ชัด คาดว่า FED อาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือน ก.ค. ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอชัด หรือเกิด Recession ใน 2H23 เราจึงยังคงเน้นลงทุนในกลุ่ม Consumption/Tourism Play มากกว่า Global Play
กลยุทธ์ : ยังคงเน้นหุ้น Domestic และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มที่ฐาน 1,500+- จุด
หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : BA, BDMS, CPALL, ICHI, TOA
หุ้นเด่นวันนี้ : BA
- แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 20 บาท
- แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q23 คาดยังแข็งแรงแม้เป็น Low Season หนุนจาก Load Factor ที่ยังสูงทำ Record High ที่ 87% และค่าตั๋วที่สูงกว่าก่อนโควิดราว 8% นอกจากนี้ จํานวนนักท่องเที่ยวที่สนามบินสมุยฟื้นตัวกลับขึ้นเพียง 50% เทียบกับก่อนโควิด นั่นหมายถึงยังมีช่องว่างในการฟื้นตัวอีกมาก
- เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2023 ขึ้น 49% เป็น 1.4 พันลบ. สะท้อน Guidance ผู้บริหารล่าสุดที่ปรับเพิ่ม Load Factor และค่าตั๋วขึ้น และมี Upside จาก Pent-Up Demand ที่อาจสูงกว่าคาดจากนักท่องเที่ยวจีน
- แนวรับ 13.30-13.40 บาท แนวต้าน 15 บาท
กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS ดำรงตำแหน่งกรรมการของ BA
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลคงเข้าภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$620 ล้าน เม็ดเงินยังไหลเข้ากระจุกตัวที่เกาหลีใต้และไต้หวัน US$389 ล้านและ US$230 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังผสมผสาน ไหลเข้าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่ไหลออกจากไทยและเวียดนาม แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าแต่ปริมาณคาดไม่หนาแน่นเท่าสัปดาห์ก่อน โดยตลาดจับตาการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ว่าจะทันวันที่ 1 มิ.ย. หรือไม่
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) 8 พรรคร่วมเซ็น MOU แล้ว รวมทั้งสิ้น 313 เสียง เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยที่ฟื้นตัวพลิกบวกได้แข็งแกร่งวานนี้ เกิดจากการเก็งประเด็นที่ระบุใน MOU ซึ่งที่มีการแถลงไม่มีการระบุถึงวาระแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 และกฎหมายนิรโทษกรรมใน MOU ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดคลายกังวล และเพิ่มโอกาสมากขึ้นได้จะได้รับเสียงสนับสนุนจากสว.ให้ครบ 376 เสียง ในการเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาล
(-) HANA เรามีมุมมองเชิงลบหลังการประชุมนักวิเคราะห์ โดยคำสั่งซื้อ IC ใน 2Q23 ยังไม่ฟื้นตัวจากสต๊อกของลูกค้าที่กำลังลงสู่จุดต่ำสุด โดยคาดว่าจะกลับมาสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอีกครั้งใน 2H23 ขณะที่โรงงาน SiC เผชิญ Unplanned Shutdown ทำให้กำไร 2Q23 แม้จะคาดฟื้นตัว q-q แต่ยังหดตัวแรง y-y จากทั้งรายได้ที่ชะลอและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2023-2024 ลง 22-23% เหลือ 1.85 พันลบ. -12% y-y และ 2.05 พัน ลบ. +11% y-y ตามลำดับ สะท้อนแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด เราปรับลดราคา เป้าหมายลงเหลือ 46 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับลงแรงในช่วงก่อนหน้าทำให้ Upside เปิดกว้างขึ้น เราจึงปรับเพิ่มค่าแนะนำเป็น “ซื้อ”
(+) SIRI เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q23 จากโครงการเปิดใหม่ 11 โครงการมูลค่ารวม 1.6 หมื่นลบ. และยังรับรู้รายได้ต่อเนื่องจาก Backlog ปัจจุบันที่แข็งแกร่ง 7.4 พันลบ. หนุนกำไรโตทั้ง q-q และ y-y และมี Upside จากกำไรพิเศษจากการตั้ง JV ใหม่ เบื้องต้นประเมินที่ 1.5-1.6 พันลบ. ส่วนประเด็นขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 450 บาท ประเมินว่าจะทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น 8-10% ซึ่งการปรับขึ้นราคาขยจะขึ้นอยู่กับ Demand ทำเล และ Segment ของโครงการ ปัจจุบันเรายังคาดกำไรปี 2023 ที่ 4.5 พันลบ. +11% y-y คงราคาเป้าหมาย 2.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) STANLY กำไรปกติ 4Q23 อยู่ที่ 567 ลบ. +45% q-q, +22% y-y ดีกว่าคาดมากจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับสูงมากเป็น 21.1% จาก 3 ไตรมาสก่อนหน้าที่ทำได้ 16-17% เป็นระดับที่ดีกว่าก่อนโควิด ขณะที่รายได้ฟื้นตามคาด ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2023 (สิ้นสุด มี.ค. 2023) อยู่ที่ 1.74 พันลบ. +16% y-y อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวเร็วกลับมาปกติ เราจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024 ขึ้นจากปัจจุบันที่คาด +10% y-y รวมถึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 240 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 31 พ.ค. Global Standard หุ้นเข้า MAKRO หุ้น ออก JMT TU ส่วน Global Small Cap หุ้นเข้า JMT TIDLOR SAPPE SISB TU หุ้นออก ไม่มี
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 140.05 จุด หรือ -0.42% ปิดที่ 33,286.58 จุด จากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ครั้งล่าสุด
(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทรงตัว โดยนักลงทุนรอผลการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก แม้การเจราเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐยังไม่มีข้อสรุปแต่เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นเรื่อยๆ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 72.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 72.29 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.33%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 4.60 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1,995.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,988.20 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.38%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 943.89 / +1.15