บล.บัวหลวง:
AUTO – ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเดือนเมษายน 2566
What’s new?
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ เดือนเมษายน 2566
Highlights:
- ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมด 117,636 คัน ทรงตัว YoY แต่ ลดลง 34.59% MoM จากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ลดลง
- ยอดผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกทั้งหมด 67,907 คัน เพิ่มขึ้น 10.04% YoY แต่ลดลง 32.76% MoM และยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศทั้งหมด 49,729 คัน ลดลง 11.31% YoY และ 36.94% MoM (เดือนเมษายนมีวันหยุดยาวเยอะ)
- ยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งหมด 59,530 คัน ลดลง 6.14% YoY และ 25.53% MoM จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากหนี้ครัวเรือนอยู่ในอัตราสูง ยอดส่งออกรถยนต์ทั้งหมด 79,940 คัน เพิ่มขึ้น 43.53% YoY แต่ลดลง 18.74% MoM จากฐานต่ำของปีที่แล้วเนื่องจากขาดแคลนชิปจากสงครามยูเครนและการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน
- BEV 5,181 คัน (เพิ่มขึ้น 320.88% YoY แต่ลดลง 41.19% MoM คิดเป็น 9% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด) HEV 6,198 คัน (เพิ่มขึ้น 31.62% YoY แต่ลดลง 29.79% MoM คิดเป็น 10% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด) และ PHEV 784 คัน (ลดลง 6.33% YoY และ 33.45% MoM คิดเป็น 1% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด)
- ส.อ.ท. ยังคงเป้าหมายปี 2566 ดังเดิม ที่ 1.95 ล้านคัน การจัดตั้งรัฐบาลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในครึ่งปีหลังจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะกระทบผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เป็น SMEs ที่เป็นเทียร์ 2-3 โดยเป้าหมายยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ 900,000 คันในปีนี้ค่อนข้างน่ากังวล แต่ว่าส.อ.ท. มั่นใจว่าจะถึงเป้าหมายยอดการผลิตเพื่อส่งออกที่ 105,000 คัน
View From Fundamental:
เรามีมุมมองออกมาเป็นกลาง แม้ยอดขายในประเทศจะดูน่ากังวล แต่จะยังมียอดส่งออกมาช่วยหนุน พนักงานส่วนใหญ่ของ AH และ SAT เป็นแรงงานมีฝีมือที่มีค่าแรงมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว จึงจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อย AH และ SAT จะสามารถเติบโตได้มากกว่าอุตสาหกรรมจากออเดอร์ใหม่ๆ โดยเรามองว่ากำไรปี 2023 ของ AH และ SAT จะเติบโต 8% และ 10% ตามลำดับ เรายังคงชอบ NEX ซึ่งกำไรจะโตได้ 676% YoY จากการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ EV อย่างเต็มรูปแบบในปีนี้