บล.ฟิลลิป:
เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ – ONEE 2Q66 ฟื้น q-q, 2H66 ดีกว่า 1H66
Key Point
2Q66 คาดจะฟื้นตัวเทียบ q-q ตามเม็ดเงินโชษณาที่ดีขึ้นและการจัดอีเวนต์ แต่หากเทียบ y-y คาดยังอ่อนตัวลง ส่วน 2H66 คาดจะดีกว่า 1H66 จากเม็ดเงินโฆษณาที่จะฟื้นตัว การจัดอีเวนต์ที่จะช่วยหนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้ง บริหารศิลปินและขายสินค้า อีกทั้งแผนการขายลิขสิทธิ์และรับจ้างผลิตจะอยู่ใน 2H66 แต่ 1Q66 กําไรออกน้อยเทียบกับประมาณการทั้งปี จึงปรับลดกำไรลง และลดราคาพื้นฐานเป็น 6 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
2Q66 จะดีขึ้น q-q ตามเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว และมุ่งเพิ่มรายได้จากธุรกิจอีเวนต์
ใน 1Q66 เม็ดเงินโฆษณาปรับตัวลดลง 11% y-y หลักๆ มาจากเดือน ม.ค.-ก.พ. ที่หดตัวลงแรง ก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัวในเดือน มี.ค. และเดือน เม.ย. รายงานเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวียังลดลง 9% y-y ที่ 5,284 ล้านบาท แต่หากเทียบเฉลี่ยรายเดือนใน 1Q66 เพิ่มขึ้น 18% และ พ.ค. ยังชะลอตัว y-y จากการเลือกตั้ง ผู้ลงโฆษณารอผู้ชนะและการจัดตั้งรัฐบาล แต่โดยรวมแล้วเม็ดเงินโฆษณาดีขึ้นกว่า 1Q66 โดยผู้บริหารมอง 1Q66 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี อีกทั้งมีการลดต้นทุนจากการปรับผังลดเวลาละครค่ำ 20.30 น. เหลือ 1.30 ซม. มาตั้งแต่ ส.ค. 65, ควบคุมต้นทุนการผลิต และ rerun รายการช่วง non-prime time และหันมาเน้นงานอีเวนต์ทั้งคอนเสิร์ตและ Fan Mont ที่เติบโต หลังกลับมาจัดกิจกรรมได้เป็นปกติ เพื่อชดเชยรายได้โฆษณาที่อ่อนตัวลงจากปีก่อน โดย 1Q66 มีรายได้จากอีเวนต์ที่ 111 ล้านบาท จากปีก่อนไม่มีเลย และ 2Q65 ที่ 18 ล้านบาท อีกทั้งยังต่อยอดรายได้ไปธุรกิจบริหารศิลปิน และขายสินค้าให้เติบโตตามเช่นเดียวกับที่เกิดใน 1Q66 ดังนั้นภาพรวมใน 2Q66 คาดรายได้และกำไรฟื้นตัว q-q แต่ y-y คาดยังลดลงตามเม็ดเงินโฆษณาที่อ่อนตัว y-y และต้นทุนในธุรกิจอีเวนต์ที่เติบโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกจากธุรกิจโดยรวมฟื้นตัว
ผู้บริหารมีมุมมองรายได้ในครึ่งปีหลังจะโตจากครึ่งปีแรก 20-30% จากเม็ดเงินโฆษณาในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกเพราะหลังเลือกตั้ง คาดผู้ผลิตสินค้าจะกลับออกแคมเปญมากขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขายในครึ่งหลัง ซึ่งสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) คาดการณ์อุตสาหกรรม โฆษณารวมปีนี้โต 2-5% เทียบกับ 4M66 ที่ -11% อีกทั้งมีละครที่น่าสนใจและน่าจะสร้างเรตติ้งมาถึง เม็ดเงินโฆษณา เช่น “ฟิล์ม-แจม” เรื่อง Laws of Attraction, “วิน เมธวิน” เรื่อง คนมนตร์เวท และละครแนวซีรี่ส์วาย อีกทั้งบริษัทและบริษัทในกลุ่มอยู่ระหว่างคัดเลือกศิลปินหน้าใหม่ เพื่อนำไปต่อยอดอีเวนต์ (คอนเสิร์ต/Fan Meet) และการขายสินค้า รวมถึงการรับจ้างที่จะมีมากในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มดีจากการเติบโตของ OTT Platform ที่ต้องการ Original Content มาก และมีราคาสูงขึ้น รวมถึงรายได้ลิขสิทธิ์/ออนไลน์ ที่มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกันจากละครใหม่ที่ออกอากาศในครึ่งปีหลัง
ปรับคาดการณ์กำไรปี 2566 ลง ปรับราคาพื้นฐานเป็น 6 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
ทางฝ่ายปรับคาดการณ์รายได้ลงเล็กน้อยเป็น 6,294 ล้านบาท +2.7% y-y และปรับเพิ่มต้นทุนขึ้น จากการเติบโตของอีเวนต์ บริหารศิลปิน ขายสินค้า และรับจ้างผลิตในครึ่งปีหลัง ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำว่าธุรกิจโฆษณา ปรับกำไรลงเป็น 488 ล้านบาท -34% y-y ราคาพื้นฐานปรับลงเป็น 6 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงรับผลประกอบการลงมามากแล้ว และเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐานใหม่ยังมี
ความเสี่ยง
1. ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสความนิยมของของผู้บริโภค
2. อุตสาหกรรมมีการแข่งขันสูง อาจไม่สามารถขยายหรือรักษาความสามารถในการทำกำไร
3. ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลและวิทยุ