บล.ฟิลลิป:
TFG: 1Q66 ต้นทุนสูงกดกำไร y-y
IAA Consensus TP’66 : 5.20 – 7.28
1Q66 รายได้เติบโตจากการขายธุรกิจค้าปลีกและมีรายได้ต่อวันต่อ สาขาเพิ่มขึ้น, ธุรกิจสุกรเติบโตขึ้นจากปริมาณการขายที่เพิ่ม, GPM 12.8% ลดลง y-y จากราคาสัตว์ปรับตัวลง และต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ที่สูงขึ้น, ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น, กำไรสุทธิ 425 ลบ. ลดลง 31.2%y-y, 2Q66 ยังเป็นกังวลจากราคาหมูที่ลดลงมากกว่าราคาเฉลี่ยของ 1Q66, แต่จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดขึ้นใน 3Q66 รวมถึงการปรับวัตถุดิบ ทำให้ต้นทุนลดลงได้ใน 2H66, มองครึ่งปีหลังธุรกิจอาหารฟื้นตัวกว่าครึ่งปีแรก
- ต้นทุนสูง: 1Q66 รายได้ขาย 13,677 ลบ. +31.6% y-y เติบโตจากธุรกิจค้าปลีกมีการขยายสาขามากขึ้น และมีรายได้ต่อวันต่อสาขาที่เพิ่มขึ้น, ธุรกิจสุกรเติบโตขึ้น y-y จากสัดส่วนปริมาณขายเพิ่มมากกว่าสัดส่วนราคาสุกรที่ปรับตัวลง, ธุรกิจไก่ลดลง y-y จากการปรับช่องทางจำหน่ายไปให้กับธุรกิจค้าปลีกของบริษัท ทำให้ราคาขายลดลง, และยุโรป จีน ที่ยังมีสต๊อกไก่แช่แข็งอยู่มาก ทำให้ลูกค้าลดคำสั่งซื้อลง, ธุรกิจอาหารสัตว์ +y-y ผู้เล่นรายย่อยออกจากตลาดการแข่งขันด้านราคาลดน้อยลง, GPM 12.8% ลดลง y-y จากราคาสัตว์ปรับตัวลง และต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ที่สูงขึ้น, ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำไรสุทธิ 425 ลบ. ลดลง 31.2%y-y
- 2Q66 ยังน่ากังวล: 2Q66 ยังมีผลกระทบจากราคาหมูที่ปัจจุบัน 68 บาท/กก. ต่ำกว่าราคาเฉลี่ย 1Q66 ที่ 81.15 บาท/กก. จากปริมาณหมูเถื่อนที่คงเหลืออยู่ในระบบ และหมูที่มาจากโรค ASF ในบางพื้นที่ถูกระบายออกมา และปริมาณหมูจากผู้ผลิตรายใหญ่ที่เพิ่มขึ้น, ขณะต้นทุนยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสแรก คาด GPM ลดลง q-q, แต่จะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดใน 3Q66 จากสถานการณ์ไข้หวัดนกในบราซิล ซึ่งเป็นคู่แข่งการส่งออกไก่ ธุรกิจไก่เริ่มเห็นคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น การปรับวัตถุดิบมาใช้ข้าวบาร์เล่ร์แทนข้าวโพด ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบลดลงใน 2H66
- ฟื้นตัว 2H66: ผู้บริหารคาดปี 66 รายได้โต 15%y-y จากด้านปริมาณสุกรเพิ่มขึ้นและปริมาณส่งออกใน 2H66, GPM 12-14% และร้านค้าปลีกตั้งเป้า 260 สาขา เพิ่มจากปีก่อนที่ 220 สาขา ซึ่งรายได้ต่อวันต่อสาขาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มองครึ่งปีหลังธุรกิจอาหารฟื้นตัวกว่าครึ่งปีแรก