GGC เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ส่งสัญญาณ ครึ่งปีแรกธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ฟื้นตัว
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ “GGC” ประเมินธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ครึ่งปีแรก 2566 ฟื้นตัว จากที่ภาครัฐปรับเพิ่มสัดส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซลเป็น B7 รองรับภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวจาก COVID-19 คลี่คลาย พร้อมแจ้งงบไตรมาส 1/2566 โชว์รายได้จากการขายรวมทั้งหมด 4,662 ล้านบาท พร้อมเร่งเดินหน้า กลยุทธ์ “The New Chapter of GGC to be the Sustainable Growth Business” เสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจปัจจุบัน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ สู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน
นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยถึงแนวโน้มสถานการณ์ตลาดและธุรกิจในครึ่งแรกของปี 2566 ว่า ความต้องการเมทิลเอสเทอร์ ช่วงครึ่งแรกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน จากนโยบายภาครัฐที่ให้มีการปรับเพิ่มสัดส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซลเป็น B7 ที่ขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 หลังจากราคาน้ำมันปาล์มดิบ เริ่มปรับตัวลดลงใกล้เคียงกับภาวะปกติ ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ทำให้ความต้องการโดยรวมของเมทิลเอสเทอร์เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่แฟตตี้แอลกอฮอล์ มีแนวโน้มทรงตัวในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากสภาวะเศษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย จากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกต่างๆ รวมถึงสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ในขณะที่ด้านอุปทานโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการที่ผู้ผลิตรายใหญ่หลายรายในต่างประเทศกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติหลังจากมีการหยุดซ่อมบำรุงไป รวมถึงการยกเลิกนโยบาย Domestic Market Obligation (DMO) ของประเทศอินโดนีเซียที่ทำให้ผู้ส่งออกสามารถส่งออกแฟตตี้แอลกอฮอล์ออกสู่ตลาดได้มากขึ้น
กลีเซอรีน คาดว่าแนวโน้มในครึ่งแรกของปี 2566 จะปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการใช้กลีเซอรีนในกลุ่มอุตสาหกรรม Epichlorohydrin ในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งสถานการณ์เศษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนไหว มีผลต่อกำลังซื้อ ด้านอุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการ ปรับเพิ่มอัตราการผสมไบโอดีเซลมากขึ้นในหลายประเทศส่งผลให้อุปทานโดยรวมของผลิตภัณฑ์พลอยได้อย่างกลีเซอรีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปด้วย
เอทานอล มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากมาตรการของรัฐที่ลดการสนับสนุนราคาแก๊สโซฮอล์ E85 ลง เพื่อช่วยพยุงฐานะของกองทุนน้ำมัน ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเกรดดังกล่าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ราคาเอทานอลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบทางเลือกในการผลิตเอทานอล มีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและราคาตลาดเอทานอลเฉลี่ยโดยรวมในตลาดปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง มองว่า ธุรกิจหลัก (Core Business) ซึ่งเป็นธุรกิจเมทิลเอสเทอร์หรือไบโอดีเซลยังมีการเติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบจากครึ่งปีแรก เนื่องจากการนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐให้มีการเพิ่มสัดส่วน B7 ต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังติดตามผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับในกลุ่มธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก หากภาพรวมการส่งออกได้รับผลกระทบกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมีผลกระทบเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ พยายามที่จะปรับการดำเนินงานให้ยังคงระดับของอัตรากำไรให้ยังคงดี เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน มุ่งเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจปัจจุบันตามแผนการเติบโตของธุรกิจที่จะมีความก้าวหน้าในช่วงครึ่งปีหลังอย่างชัดเจน
ผลการดำเนินงานของ GGC ในไตรมาสแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย รวมทั้งหมด 4,662 ล้านบาท มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 281 ล้านบาท (ซึ่งหักผลกระทบ Stock Loss แล้ว) และมีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อน 92% แต่ปรับตัวดีขึ้น 131% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2565 เป็นลบ
โดยธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ในไตรมาส 1/2566 มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17%จากนโยบายของภาครัฐที่มีการปรับเพิ่มสัดส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7 ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศปรับตัวลดลง ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบในต่างประเทศ เนื่องจากการที่ระดับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในมาเลเซียและอินโดนีเซียอยู่ในระดับสูง เนื่องจากปริมาณเก็บเกี่ยวที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับระดับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจกลีเซอรีน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ราคากลีเซอรีนปรับตัวลดลง 59% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากอุปทานเพิ่มขึ้นจากการผลิตไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้ปรับตัวลดลงด้านธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์ในไตรมาส 1/2566 มีปริมาณการขายลดลงเล็กน้อย 7% จากปีก่อน เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อปริมาณความต้องการใช้ลดลง ประกอบกับราคาแฟตตี้แอลกอฮอล์ปรับลดลง 44% จากปีก่อน เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรายใหญ่ในต่างประเทศกลับมาผลิตได้เต็มกำลัง รวมถึงมีผู้ผลิตแฟตตี้แอซิด (Fatty Acids) หลายราย ได้ปรับเปลี่ยนมาผลิตเป็นแฟตตี้แอลกอฮอล์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่ผันผวน GGC ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์ “The New Chapter of GGC to be the Sustainable Growth Business” ในการสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจปัจจุบัน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เคมี เพื่อสิ่งแวดล้อมระดับโลกที่โดดเด่นและเป็นองค์กรต้นแบบที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี