การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ด้วยนโยบายเรื่องการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าและการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable) สามารถช่วยบรรเทาปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 70% แต่หากต้องการที่จะมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ์เป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) หนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด คือ การใช้พลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen) ดังนั้นปริมาณความต้องการพลังงานไฮโดรเจนจึงพุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไฮโดรเจนสามารถเป็นพลังงานทางเลือกที่เข้ามาทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil Fuel) และที่สำคัญยังเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อน ดังจะเห็นได้จากในปี 2021 ความต้องการใช้ได้พุ่งไปถึง 94 ล้านตัน (Million Tonne: Mt) ซึ่งสูงยิ่งกว่าช่วงก่อนวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2019 ที่มีความต้องการใช้อยู่ที่ 91 Mt ทั้งนี้ ภายในสิ้นปี 2023 คาดการณ์ว่ากําลังการผลิตไฮโดรเจนทั่วโลกจะสูงขึ้นอีก 4.5 ล้านตันต่อปี (Million Tons per Annum: MtPA) แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวซึ่งคิดเป็นการเติบโต 165% เมื่อเทียบกับปี 2022 ตามรายงานของบริษัทที่ปรึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลประเทศอังกฤษ GlobalData เรื่อง “แนวโน้มและมุมมองการเปลี่ยนผ่านไฮโดรเจน: ไตรมาสที่ 1 ปี 2023” ที่วิเคราะห์ถึงแนวโน้มการลงทุนและข้อตกลงของบริษัทชั้นนำที่ผลักดันการเติบโตของตลาดไฮโดรเจน

Andres Angulo นักวิเคราะห์พลังงานของ GlobalData กล่าวว่า ข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับไฮโดรเจนมากกว่า 393 รายการเกิดขึ้นในช่วงปี 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2021 ที่มีอยู่ 277 รายการ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่สูงขึ้นในการพัฒนาตลาดไฮโดรเจน ซึ่งอาจชี้ขาดในการบรรลุกําลังการผลิตมากกว่า 71 Mtpa ทั่วโลกภายในปี 2030 “อย่างไรก็ตาม หลังไตรมาสที่ 2 ปี 2022 จํานวนดีลลดลงต่ำกว่าในไตรมาสเดียวกันปี 2021 คิดเป็น 66% ของข้อตกลงจากพันธมิตรในปีที่แล้ว และนี่อาจเป็นเพราะบริษัทต่างๆ พยายามเสริมสร้างธุรกิจหลักและกระจายความเสี่ยงในการลงทุนตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก” Angulo อธิบาย

ปี 2022 มีการประกาศกําลังการผลิตไฮโดรเจนมากกว่า 111.9 ล้านตันต่อปี (Mtpa) ในสหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก อียิปต์ แคนาดา โปรตุเกสและประเทศอื่น ๆ ที่น่าจับตาคือ Fortescue Industries ผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเหล็กร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวอย่าง Tree Energy Solutions (TES) พัฒนาโครงการบูรณาการไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมุ่งหวังที่จะช่วยบรรเทาวิกฤตพลังงานและสภาพอากาศในปัจจุบันของยุโรป

สำหรับ “ไฮโดรเจน” เป็นธาตุที่มีมากที่สุดในโลก โดยมีมากถึง 75% ของสสารทั้งหมดในจักรวาล สามารถสังเคราะห์ได้จากวัตถุดิบตามธรรมชาติหลากหลายประเภท เมื่อเกิดการเผาไหม้ ก็จะมีเพียงน้ำและออกซิเจนเท่านั้นที่เป็นผลพลอยได้ สามารถปล่อยออกมาได้โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษในชั้นบรรยากาศหรือทางน้ำ และเมื่อผลิตผ่านกระบวนการแยกไฮโดรเจนจากน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือที่เรียกว่าอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) ที่ได้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม น้ำ หรือพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ “ไฮโดรเจนสีเขียว” สามารถนำมาทำเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ที่มีประสิทธิภาพสูงได้อีกด้วย ไฮโดรเจนจะมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนในหลายภาคส่วน เช่น อุตสาหกรรมเคมี โลหะ และการขนส่งระยะทางไกล เช่น รถบรรทุกของหนัก (heavy-duty truck) เป็นต้น

อ้างอิง:

GlobalData: Hydrogen market to witness growth surge in 2023 – Offshore Energy (offshore-energy.biz)
- Advertisement -