รอบด้านตลาดหุ้น: วันนี้คาดดัชนี Sideways up

Market wrap & Outlook

ศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีย่อมาสร้างฐาน 1530 ตามคาด หุ้นลบนำโดย PTTEP BANPU JMART KBANK GLOBAL BH BDMS ส่วนหุ้นบวกดีกว่าตลาด ได้แก่ OTO WAVE DITTO KGEN MPIC ONEE BEC SVR

วันนี้คาดดัชนี Sideways up เริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เราจะขอนำเสนอ ไอเดีย สำหรับการ เลือกหุ้นเล่น ณ.ระดับที่ราคาลงลึก และ แรง เกินปัจจัยพื้นฐาน ผ่านรายงานกลยุทธ์ตามปัจจัยพื้นฐานของทาง BLS Research เช่น… 1.การศึกษากรณีความอ่อนไหวของ แนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทฯจดทะเบียน ต่อนโยบาย ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลใหม่ (ถ้าราคาลงลึกกว่าผลกระทบ ควรมองเป็นโอกาสช้อนซื้อ) 2.การประเมินทิศทางผลการดำเนินงาน บริษัทจดทะเบียน สำหรับไตรมาสถัดๆ ไป หลังวิเคราะห์งบการเงินไตรมาส 1/66 ไปแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 1.กลุ่มที่ผลการดำเนินงานเพิ่งผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/66 และกำลังฟื้นตัวขึ้น ในแต่ละไตรมาสถัดๆ ไป 2. กลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังมีความเสี่ยง จากภาวะเศรษฐกิจมหภาค กดดันทิศทางกำไรรายไตรมาสต่อจากนี้ เป็นต้น

What to watch

สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของรัฐบาลกลางสหรัฐ เพื่อป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่แน่ชัดของข้อตกลงขั้นสุดท้ายได้ในขณะนี้ แต่ผู้เจรจาได้ตกลงว่าจะจำกัดการใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องการด้านการกลาโหมตามดุลยพินิจ ให้อยู่ในระดับเดียวกับการใช้จ่ายในปี 2566 เป็นเวลา 2 ปี เพื่อแลกกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้

มาตรการ ปรับภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ ซีแบม (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) จะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 1 ตุลาคม 2566

การประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 31 พค.นี้ ตลาดยังคงคาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2%

Fed’s Beige Book โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ จะพอเห็นทิศทางของตัวเลขเศรษฐกิจที่อยู่ในความสนใจของเฟดและคาดการณ์มุมมองเบื้องต้น

หุ้นแนะนำวันนี้

OTO   WAVE  DITTO   หุ้นเชื่อมโยง Carbon credit คาดเป็นกลุ่มที่จะเล่นดีกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่รัฐบาลทั่วโลกให้การสนับสนุน

Global Investing Brief : โจ ไบเดน และ เควิน แมคคาร์ธี บรรลุดีลขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 

  • เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 3 ดัชนีหลักบวกเด่น โดย Nasdaq +2.2% S&P 500 +1.3% และ DJIA +1% หนุนจากหุ้นเทคฯ อาทิ META +3.7% NVDA +2.5% และ AAPL +1.4% โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 66 โจ ไบเดน และ เควิน แมคคาร์ธี (ประธานสภา) ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนวันเส้นตายที่สหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการโหวตในสภาคองเกรส ซึ่งโจ ไบเดนมั่นใจว่าจะมีเสียงเพียงพอในการผ่านร่างขยายเพดานหนี้ดังกล่าว ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการในคืนนี้ (29 พ.ค. 66) เนื่องในวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (Memorial Day)
  • Tesla (TSLA) บวก 4.7% หลังประกาศจับมือกับ Ford ทำดีลให้รถ EV ทุกคันของ Ford สามารถชาร์จที่สถานี Super Charger ของ Tesla ได้ในช่วงต้นปี 67 ปัจจุบันยอดขายรถ EV ของ Ford เป็นอันดับ 3 ในสหรัฐฯ รองจาก Tesla และ GM ตามลำดับ โดยยอดขาย 1Q66 อยู่ที่ประมาณ 5,400 คัน และสถานีชาร์จของ Tesla มีประมาณ 12,000 แห่งในอเมริกาเหนือ เรามองเป็น Upside ต่อรายได้ของบริษัทในปี 67 เนื่องจากรถยนต์ของ Ford ที่จะชาร์จที่สถานี Super Charger จำเป็นต้องใช้หัวแปลงไฟของ Tesla (ราคาราว $450) ด้าน Bloomberg cons. ให้ TP ที่ $191.56

ตลาดหุ้นฮ่องกง 

  • ตลาดหุ้นฮ่องกงหยุดทำการในวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 พ.ค. 66) เนื่องในวันประสูติพระพุทธเจ้า (Buddha’s Birthday) และจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้
  • NetEase (9999) เตรียมเปิดตัว Bad Brain Game Studios ในแคนาดา ซึ่งจะถูกใช้ผลิตเกมที่มีความซับซ้อน ผ่านระบบ Unreal Engine 5 ที่ให้ภาพละเอียดและเหมือนจริงที่สุด คาดว่าจะพร้อมเปิดใช้งานในช่วงสิ้นปี 66 เรามองเป็นปัจจัยหนุนจำนวนผู้เล่นเกมที่จะเพิ่มมากขึ้น จากการขยายตลาดไปต่างประเทศ และมองเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้ปี 66 ของธุรกิจเกม (77% ของรายได้) ที่มีแนวโน้มโต 8%YoY แตะ RMB80bn อิงจาก Bloomberg cons และ TP ให้ไว้ที่ HKD170.98

ตลาดหุ้นเวียดนาม 

  • เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนี VN ปิดลบ 0.1% นำโดยกลุ่มธนาคาร BID -0.8% และ VCB-1.3% หลังรัฐบาลเวียดนามเตรียมแผนลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 8 โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 66 ถึงสิ้นปี ยกเว้นกลุ่มอุตสาหกรรมทางการเงิน ธนาคาร อสังหาฯ และโทรคมนาคม เพื่อกระตุ้นความต้องการบริโภค และฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
  • CII จัดงานประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 66 โดยบริษัทมีการปรับคาดการณ์รายได้ปี 66 ลงจากโต 30%YoY เหลือโต 25%YoY สู่ VND5.2tn จากงานก่อสร้างที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาและจากความกังวลของตลาดที่ยังไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาคอสังหาฯ นอกจากนี้เรามองว่ามูลค่าหุ้นเริ่มตึงตัวในปัจจุบัน หลัง P/E ปี 66 อยู่ที่ 12.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 11.3 เท่า ราว 1 S.D. จึงมองว่าอาจพิจารณารอจังหวะการลงทุน ด้าน Bloomberg Cons. ให้ TP ที่ VND15,800

หุ้นเด่นประจำวัน : Tencent (700.HK) 

  • Weixin Pay หรือ WeChat Pay แอปพลิเคชันชำระเงินของ Tencent พร้อมให้บริการบนรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 66 ซึ่งเป็นการใช้งานผ่านการสแกน QR Code ที่จุดชำระเงินบนสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
  • เรามองเป็นปัจจัยหนุนจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นชำระเงินที่จะเพิ่มมากขึ้น จากการขยายฐานผู้ใช้งานรถไฟฟ้าใต้ดิน และมองเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้ 2Q66 ของธุรกิจ Fintech & Business Service (15% ของรายได้) ที่มีแนวโน้มโต 20.5%YoY แตะ RMB50.8bn อิงจาก Bloomberg cons.
- Advertisement -